สหรัฐเตรียมประกาศรายการอาวุธที่จะส่งไปให้ยูเครนในวันนี้ (6 ม.ค.) โดยคาดว่าจะมีรถหุ้มเกราะแบรดลีย์จำนวน 50 คัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบประมาณให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง มูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แบรดลีย์เป็นรถหุ้มเกราะที่สามารถขนส่งทหารไปยังแนวหน้า โดยมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายด้วยปืนใหญ่ขนาด 25 มม. และขีปนาวุธต่อต้านรถถัง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้สงครามในยูเครนกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ สหรัฐต้องทำทุกวิถีทางเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยยูเครนในการรับมือกับความแข็งกร้าวของรัสเซีย
ขณะที่เยอรมนีก็เตรียมส่งรถหุ้มเกราะมาเดอร์ให้กับยูเครน ตามที่นายไบเดนกับนาย โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี บรรลุข้อตกลงร่วมกันเมื่อวานนี้ (5 ม.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สหรัฐและเยอรมนีตกลงร่วมกันในช่วยฝึกสอนทหารยูเครนเกี่ยวกับการใช้งานรถหุ้นเกราะดังกล่าว โดยเยอรมนีจะส่งแบตเตอรี่สำหรับระบบต่อต้านขีปนาวุธแพทริออตให้กับยูเครนด้วยเช่นกัน ซึ่งระบบต้านขีปนาวุธนี้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในสนามรบนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565 อย่างไรก็ตามยูเครนได้เรียกร้องไปยังพันธมิตรเพื่อขออาวุธหนักเพิ่ม
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนได้ปฏิเสธข้อเสนอของประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ที่จะให้ทหารรัสเซียที่ประจำการอยู่ในยูเครนหยุดยิงในช่วงคริสต์มาสของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ โดยกองทัพรัสเซียจะทำการหยุดยิงเป็นเวลา 36 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่วันนี้ (6 ม.ค.) และจะสิ้นสุดลงในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 7 ม.ค.
ทั้งนี้ ปธน.เซเลนสกีกล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นอุบายของรัสเซียที่ต้องการหยุดปฏิบัติการทางทหารของยูเครนในภาคตะวันออกของภูมิภาคดอนบาส และใช้เป็นโอกาสในการส่งทหารรัสเซียบุกเข้ามา