นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคาดว่าจะพยายามสนับสนุนการเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงของญี่ปุ่นกับสหรัฐในระหว่างการประชุมสุดยอดร่วมกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐในวันศุกร์นี้ (13 ม.ค.) เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงนโยบายด้านกลาโหมครั้งสำคัญ
การเดินทางเยือนกรุงวอชิงตันของนายคิชิดะ นับเป็นครั้งแรกของการเดินทางเยือนสหรัฐตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อเดือนต.ค. 2564 นั้น มีกำหนดการเดินทาง 1 สัปดาห์ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเดินทางเยือน 5 ใน 7 ประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ซึ่งจะปูทางไปสู่ความสำเร็จในการประชุมกลุ่มผู้นำ G7 ที่จะจัดขึ้นในเมืองฮิโรชิมาในเดือนพ.ค. 2566
ในเดือน ธ.ค. 2565 ญี่ปุ่นตัดสินใจเพิ่มงบประมาณการใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างมีนัยสำคัญและเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีฐานทัพของศัตรูเพื่อยับยั้งไม่ให้โจมตีดินแดนของตน ท่ามกลางภัยคุกคามด้านความมั่นคงจากประเทศใกล้เคียงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจากจีนและเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้เป็นที่แน่นอนว่านายคิชิดะและนายไบเดนจะหารือเรื่องการแก้ไขแนวทางปฏิบัติในความร่วมมือด้านกลาโหมระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2558 เพื่อให้สหรัฐและญี่ปุ่นซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรร่วมมือกันเพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการตอบโต้ทางทหารของญี่ปุ่น
นอกจากนี้แล้ว นายคิชิดะและนายไบเดนอาจเจรจากันในประเด็นอื่น ๆ ด้วย อาทิเช่น นโยบายเศรษฐกิจและนโยบายด้านการเงิน เนื่องจากสภาพธุรกิจทั่วโลกย่ำแย่ลงจากการพุ่งสูงขึ้นของราคาอาหารและพลังงาน ซึ่งเป็นผลจากการที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ในระหว่างการหารือกับนายไบเดนนั้น นายคิชิดะจะอธิบายถึงจุดยืนและท่าทีของญี่ปุ่นท่ามกลางปัญหาต่าง ๆ ในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนานิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ความแข็งกร้าวของรัสเซีย รวมไปถึงหารือเรื่องความตึงเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันด้วยเช่นกัน