สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 227 ต่อ 201 เสียง ยกเลิกข้อกำหนดที่ให้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ที่เดินทางเข้าประเทศโดยเครื่องบินต้องได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อจำกัดด้านการเดินทางที่สหรัฐบังคับใช้เป็นเวลานาน
การลงมติมีขึ้นในวันพุธ (8 ก.พ.) โดยมีส.ส.พรรคเดโมแครต 7 คน เข้าร่วมกับพรรครีพับลิกันซึ่งเป็นฝ่ายที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร และไม่มีส.ส.พรรครีพับลิกันคนใดลงคะแนนคัดค้านร่างข้อกำหนดนี้
ร่างข้อกำหนดใหม่นี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา และขณะนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าวุฒิสภาจะรับพิจารณาร่างข้อกำหนดดังกล่าวหรือไม่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อเดือนมิ.ย. 2565 คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยกเลิกข้อบังคับที่กำหนดให้ผู้เดินทางเข้าประเทศต้องมีผลตรวจโควิด-19 ที่เป็นลบ แต่ยังไม่ได้ยกเลิกข้อบังคับของศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (CDC) ที่กำหนดให้ผู้เดินทางต่างชาติส่วนใหญ่ต้องฉีดวัคซีน
ก่อนหน้านี้ ทำเนียบขาวได้แสดงท่าทีไม่เห็นด้วยกับร่างข้อกำหนดนี้ โดยระบุว่า "ข้อบังคับการฉีดวัคซีนได้ช่วยให้ผู้คนทั่วโลกกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง ไปพร้อม ๆ กับการลดการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 และลดภาระของระบบสาธารณสุขสหรัฐ"
ทำเนียบขาวยังได้วางแผนที่จะยุติการกำหนดให้โรคโควิด-19 เป็นเหตุฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ในวันที่ 11 พ.ค. นี้ โดยกล่าวว่า "ในขณะที่เราเข้าใกล้การสิ้นสุดของภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข ฝ่ายบริหารจะทบทวนนโยบายทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง รวมถึงนโยบายนี้ด้วย"
ทั้งนี้ในปัจจุบัน ผู้เดินทางเข้าสหรัฐที่เป็นผู้ใหญ่และไม่ใช่ผู้ถือสัญชาติสหรัฐหรือผู้พำนักถาวร จะต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนโดยสารเครื่องบิน โดยมีข้อยกเว้นบางประการเท่านั้น