ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันที่ 20 - 22 ก.พ. ซึ่งเป็นช่วงก่อนครบรอบ 1 ปี การรุกรานยูเครนของรัสเซีย โดยนายมาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ ระบุว่า จะหารือกับปธน.ไบเดนเรื่องการเพิ่มกำลังพลทหารสหรัฐในโปแลนด์ให้มากขึ้น และให้เข้ามาประจำการเป็นการถาวรมากขึ้น
คำถามที่ปธน.ไบเดนต้องเจอก็คือจะยังคงช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนอีกมากแค่ไหน หรือมีมาตรการอะไรในการคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ซึ่งยิ่งสงครามยืดเยื้อ ความเสี่ยงที่ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจะอ่อนแรงลงก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
สำนีกข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การที่ปธน.ไบเดนจะเดินทางเยือนยูเครนหรือไม่นั้นจะส่งผลทางจิตวิทยาอย่างชัดเจนต่อประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งคาดหวังว่าจะได้รับการส่งมอบยุทโธปกรณ์ที่มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวระบุว่า ปธน.ไบเดนไม่มีแผนที่จะเดินทางไปยูเครน แต่ด้วยความที่โปแลนด์อยู่ใกล้ชิดกับยูเครนซึ่งเป็นเขตสงคราม ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าปธน.ไบเดนอาจจะเดินทางเยือนยูเครนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การรุกรานของรัสเซียเมื่อ 24 ก.พ. 2565
ที่ผ่านมา ปธน.เซเลนสกีได้ร้องขอให้เร่งจัดส่งความช่วยเหลือทางทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์มายังยูเครนให้เร็วขึ้น ในขณะที่ยูเครนและกองทัพกำลังเผชิญการโจมตีอย่างรุนแรงจากรัสเซียทางภาคตะวันออก โดยสหรัฐได้ให้การช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครนมูลค่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่ปธน.ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี แม้ว่าคณะรัฐบาลของปธน.ไบเดนจะไม่เห็นด้วยเรื่องการส่งเครื่องบินขับไล่ให้ยูเครนก็ตาม
ทั้งนี้ กำหนดการเดินทางเยือนโปแลนด์ของปธน.ไบเดนมีขึ้นในขณะที่สมาชิกพรรครีพับลิกันบางคนขู่ว่าจะตัดเงินทุนสนับสนุนยูเครน แม้ว่าทางทำเนียบขาวมั่นใจว่าจำนวนเงินที่มีอยู่จะเพียงพอสำหรับจัดสรรให้ตลอดปีงบประมาณ