สื่อรายงานว่า การเดินทางเยือนยูเครนในวันนี้ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ถือเป็นปฏิบัติการลับสุดยอดโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้นำสหรัฐ
ทั้งนี้ การเดินทางดังกล่าวประสบความสำเร็จจากหลายปัจจัย ได้แก่ การที่ทำเนียบขาวปกปิดการเดินทางของปธน.ไบเดน, การเดินทางภายใต้ความมืดในเวลากลางคืน และการแจ้งให้รัสเซียทราบในนาทีสุดท้ายของการตัดสินใจของทางสหรัฐ
ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือแพร่สะพัดว่า ปธน.ไบเดนจะเดินทางเยือนยูเครน หลังจากที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ผู้นำสหรัฐจะเดินทางเยือนโปแลนด์ในสัปดาห์นี้
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวยืนยันหลายครั้งว่าปธน.ไบเดนจะไม่เดินทางเยือนยูเครนแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนพยายามแสดงตัวต่อสาธารณชนในกรุงวอชิงตัน ดีซี โดยได้ออกไปรับประทานอาหารค่ำกับนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งในวันเสาร์ที่ผ่านมา จนกระทั่งปธน.ไบเดนได้ปรากฎตัวอีกครั้งที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ในวันนี้
ขณะเดียวกัน หมายกำหนดการเกี่ยวกับการปฏิบัติภารกิจประจำวันของปธน.ไบเดนที่ทำเนียบขาวแจ้งต่อสื่อมวลชนก็ไม่ได้มีการระบุถึงการเดินทางเยือนยูเครนแต่อย่างใด โดยผู้สื่อข่าวได้ขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาสหรัฐโดยไม่ทราบว่ากรุงเคียฟจะเป็นจุดหมายปลายทาง จนกระทั่งเครื่องบินลงจอดที่โปแลนด์ในวันนี้ และปธน.ไบเดนได้เดินทางจากโปแลนด์เข้าสู่ยูเครนโดยรถไฟ
อย่างไรก็ดี ปฏิบัติการดังกล่าวได้ผ่านการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐเป็นเวลาหลายเดือน ก่อนที่จะมีการตัดสินใจขั้นสุดท้ายในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งปธน.ไบเดนกล่าวว่า เขายินดีแบกรับความเสี่ยงในการเดินทางครั้งนี้ ซึ่งหลังการตัดสินใจดังกล่าว ทำเนียบขาวก็ได้แจ้งให้รัสเซียทราบเกี่ยวกับการเดินทางดังกล่าว
ทั้งนี้ นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า สหรัฐได้แจ้งล่วงหน้าให้รัสเซียทราบเกี่ยวกับการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเดินทางเยือนยูเครนในวันนี้ ก่อนที่การเดินทางจะเริ่มขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง
นายซัลลิแวนกล่าวว่า สหรัฐแจ้งทางการรัสเซียว่า การเดินทางของปธน.ไบเดนมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น
นายซัลลิแวนระบุว่า การจัดเตรียมการเดินทางสำหรับปธน.ไบเดนในครั้งนี้มีความซับซ้อนมากกว่าการเดินทางเยือนอิรักและอัฟกานิสถาน เนื่องจากสหรัฐไม่มีกำลังทหารประจำการอยู่ในยูเครน
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนสร้างความประหลาดใจด้วยการเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนในวันนี้ และได้เข้าพบประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เพื่อแสดงการสนับสนุนของสหรัฐก่อนครบรอบ 1 ปี ของการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565
ล่าสุด ปธน.ไบเดนได้เดินทางออกจากกรุงเคียฟแล้ว หลังจากอยู่ในยูเครนนาน 5 ชั่วโมง และได้มุ่งหน้าสู่โปแลนด์
มีเสียงไซเรนดังทั่วกรุงเคียฟในระหว่างที่ปธน.ไบเดนหารือกับปธน.เซเลนสกีภายในอาสนวิหารนักบุญไมเคิลกลางกรุงเคียฟ แต่ไม่มีรายงานว่ารัสเซียได้ทำการโจมตีทางอากาศ หรือยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงเคียฟแต่อย่างใด
ปธน.ไบเดนได้กล่าวยกย่องความกล้าหาญของชาวยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย และยืนยันว่าสหรัฐจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนตราบนานเท่านาน
นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือทางทหารครั้งใหม่แก่ยูเครนคิดเป็นวงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้เคยเดินทางเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา 6 ครั้งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ครั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ