สหรัฐอาจปฏิเสธการขอลี้ภัยของผู้อพยพหลายหมื่นคนที่เดินทางมาถึงพรมแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ภายใต้ข้อเสนอที่เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (21 ก.พ.) ซึ่งจะเป็นความพยายามอย่างครอบคลุมที่สุดของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ในการยับยั้งการข้ามพรมแดนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ภายใต้กฎใหม่นี้ ผู้อพยพที่ไม่ได้นัดหมายไว้กับหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐ หรือไม่ได้เข้าร่วมในโครงการด้านมนุษยธรรมที่มีให้กับพลเมืองบางสัญชาติ ก็จะไม่มีสิทธิขอลี้ภัย ยกเว้นบางกรณีเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้ลี้ภัยต้องเคยขอลี้ภัยและถูกปฏิเสธจากประเทศอื่นที่เคยเดินทางผ่านมาก่อนจึงจะสามารถใช้สิทธิการขอลี้ภัยได้หนึ่งครั้งในสหรัฐ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ปธน.ไบเดนจากพรรคเดโมแครต ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในปี 2564 และคาดว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งอีกสมัยในปี 2567 ได้เคยให้คำมั่นสัญญาไว้ในตอนแรกว่าจะฟื้นฟูสิทธิการลี้ภัยที่เคยถูกจำกัดในสมัยรัฐบาลของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ และเป็นผู้นำพรรครีพับลิกัน แต่ตอนนี้ทั้งผู้สนับสนุนและสมาชิกพรรคเดโมแครตบางคนได้วิพากษ์วิจารณ์ว่า ปธน.ไบเดนอ้าแขนรับนโยบายจำกัดการลี้ภัยที่เหมือนกับนายทรัมป์ขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ปธน.ไบเดนประสบปัญหาในกับการรับมือผู้ลี้ภัยที่เดินทางมายังสหรัฐจำนวนมากล้นเป็นประวัติการณ์
แผนของปธน.ไบเดนที่จะห้ามผู้ขอลี้ภัยบางส่วนได้สะท้อนถึงการกระทำที่คล้ายคลึงกับของนายทรัมป์ ซึ่งทำให้เกิดการต่อต้านในลักษณะเดียวกัน และทางศาลรัฐบาลกลางได้สั่งห้ามการกระทำเช่นนั้นด้วย
ด้านสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (ACLU) ให้สัญญาว่า จะต่อสู้กับกฎข้อจำกัดการลี้ภัยของปธน.ไบเดนในศาล โดยเปรียบเทียบกับข้อจำกัดของนายทรัมป์ ซึ่งนักเคลื่อนไหวขนานนามว่าเป็นการ "ห้ามเดินทางผ่าน"