ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน เตรียมตัดสินใจดึงอำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับระบบการเงินจีนมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตนเอง โดยมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการรื้อฟื้นคณะกรรมมาธิการด้านการคลังที่ถูกยุบไปกลับมาอีกครั้งเพื่อช่วยประสานนโยบายทางการเงิน และอาจแต่งตั้งพันธมิตรหลักขึ้นตำแหน่งสูงสุดของธนาคารกลางจีน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ทางการจีนกำลังอยู่ในระหว่างพิจารณาที่จะรื้อฟื้นคณะกรรมการด้านการคลังกลับขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อช่วยให้พรรคคอมมิวนิสต์มีอำนาจเพิ่มเติมในการควบคุมนโยบายทางการเงิน โดยนายติง เสวี่ยเซียง หนึ่งในคณะกรรมการถาวรประจำกรมการเมืองแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) และหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของปธน.สี จะได้รับการแต่งตัวเป็นหัวหน้าหน่วยงานดังกล่าว
ด้านหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า นายเหอ ลี่เฟิง ผู้ซึ่งได้รับการคาดการณ์ว่าจะมาดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีจีนแทนที่นายหลิว เหอ ในการปรับคณะรัฐบาลในเดือนหน้านั้น จะได้รับมอบหมายในการจัดการนโยบายเศรษฐกิจ และกำลังได้รับการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำธนาคารกลางของจีน
การแต่งตั้งดังกล่าวและความเป็นไปได้ในการยกเครื่องระบอบการกำกับดูแลทางการเงินของจีนจะทำให้การตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจสำคัญอยู่ในอำนาจของคนไม่กี่คน โดยรวมศูนย์กลางไว้ที่ปธน.สี ในขณะเดียวกันก็เน้นความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของภาคการเงินของจีน ซึ่งมีมูลค่า 60 ล้านล้านดอลลาร์
การแต่งตั้งดังกล่าวยังไม่เป็นที่สิ้นสุด และอาจมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งอีกหลายตำแหน่งก่อนการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในเดือนหน้า
อนึ่ง ปธน.สีซึ่งอยู่ในตำแหน่งต่อเป็นสมัยที่ 3 ในการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนเมื่อเดือนต.ค. 2565 ได้รวมอำนาจของตนเองนับตั้งแต่ขึ้นครองตำแหน่งผู้นำประเทศในปี 2555 โดยเลือกกลุ่มผู้ที่ภักดีให้ครองตำแหน่งระดับผู้นำของพรรค