สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า จีนประกาศจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 7.2% ในปี 2566 สูงขึ้นเล็กน้อยจาก 7.1% ในปีที่แล้ว โดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง เตือนถึงภัยคุกคาม "ภายนอก" ที่เพิ่มมากขึ้นต่อการผงาดขึ้นของปักกิ่ง
รายงานของกระทรวงการคลังจีนที่เผยแพร่นอกรอบการประชุมประจำปีของสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ในวันนี้เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนจะจัดสรรเงิน 1.55 ล้านล้านหยวน (2.25 แสนล้านดอลลาร์) สำหรับการใช้จ่ายด้านกลาโหมในปีนี้ ซึ่งเป็นการเพิ่มงบประมาณในอัตราที่สูงกว่าเป้าหมายการเติบโตของ GDP ในปีนี้ที่ 5%
เป็นที่น่าสังเกตว่างบประมาณทางทหารของจีนนั้นมากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐ โดยปีที่แล้วจีนใช้เงินด้านกลาโหมไป 1.45 ล้านล้านหยวน (2.10 แสนล้านดอลลาร์) อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ในต่างประเทศหลายคนเชื่อว่าจริง ๆ แล้วจีนอาจใช้จ่ายเงินมากกว่าตัวเลขที่ประกาศอย่างเป็นทางการ ถึงกระนั้น งบประมาณด้านกลาโหมของจีนก็ยังคงน้อยกว่าของสหรัฐอย่างมาก โดยสหรัฐได้จัดสรรงบประมาณกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์สำหรับการทหารในปีนี้
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จีนได้ทุ่มเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อปรับปรุงการป้องกันประเทศให้ทันสมัย โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนกองทัพขนาดมหึมาให้กลายเป็นกองกำลังระดับโลกทัดเทียมกับสหรัฐและชาติมหาอำนาจตะวันตกอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐได้เพิ่มสูงขึ้นในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของไต้หวัน
นายกฯ หลี่ เค่อเฉียง กล่าวสุนทรพจน์นำเสนอรายงานการทำงานของรัฐบาลในวันนี้ โดยเตือนว่า "ความพยายามจากภายนอกที่จะปราบปรามและควบคุมจีนกำลังบานปลาย" พร้อมเน้นย้ำว่ากองทัพจำเป็นต้องฝึกฝนและเตรียมความพร้อมทางทหารให้เข้มข้นขึ้น ทุ่มเทเรี่ยวแรงมากขึ้นในการฝึกภายใต้เงื่อนไขการสู้รบ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับงานทางทหารในทุกทิศทุกด้าน
นายกฯหลี่ เค่อเฉียง ยังย้ำถึงจุดยืนที่รัฐบาลจีนมีมาอย่างยาวนานในการต่อต้าน "การแบ่งแยกดินแดน" ในไต้หวันและไม่ต้องการให้ไต้หวันประกาศเอกราช โดยเรียกร้องให้ส่งเสริมการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไต้หวันและดำเนินการรวมชาติเป็นจีนเดียวอย่างสันติ