สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอนุมัติคำขอของออสเตรเลียที่ต้องการซื้อขีปนาวุธร่อนโทมาฮอว์กพิสัยไกล (long-range Tomahawk cruise missile) จำนวน 220 ลูก ทำให้ออสเตรเลียกลายเป็นชาติที่ 2 ที่ได้รับอาวุธจากสหรัฐต่อจากอังกฤษ
ถ้อยแถลงของสำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงกลาโหมเปิดเผยว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีมูลค่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (895 ล้านดอลลาร์) รวมค่าซ่อมบำรุงและการสนับสนุนด้านการขนส่ง
แถลงการณ์ระบุว่า "การขายตามข้อเสนอดังกล่าวจะช่วยยกระดับความสามารถของออสเตรเลียในการทำงานร่วมกับกองทัพเรือของสหรัฐ และชาติพันธมิตรอื่น ๆ ตลอดจนความสามารถในการมีส่วนร่วมในภารกิจที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน"
การอนุมัติข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่สหรัฐ, ออสเตรเลีย และอังกฤษ เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสนธิสัญญาออคัส (AUKUS) ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทั้ง 3 ฝ่ายจะแบ่งปันเทคโนโลยีและทรัพยากรเพื่อสร้างกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว สหรัฐจะขายเรือดำน้ำชั้นเวอร์จิเนีย (Virginia-class submarine) อย่างน้อย 3 ลำให้แก่ออสเตรเลีย นอกจากนี้ ออสเตรเลียและอังกฤษจะจัดตั้งกองเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งจีนกำลังก่อตั้งสินทรัพย์ทางการทหารของตนเอง
จนถึงตอนนี้ มีเพียงอังกฤษเท่านั้นที่ได้ซื้อขีปนาวุธโทมาฮอว์กจากสหรัฐ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ญี่ปุ่นได้ประกาศเจตจำนงในการซื้อขีปนาวุธดังกล่าวจำนวนหลายร้อยลูก ซึ่งสามารถยิงได้ไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร (621 ไมล์) เพื่อเสริมศักยภาพด้านกลาโหม