สำนักข่าว CCTV ของจีนรายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้เดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้ว หลังการเดินทางเยือนรัสเซียเป็นเวลา 3 วัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนและรัสเซีย
การเดินทางดังกล่าวเป็นการเดินทางเยือนรัสเซียเป็นครั้งแรกของปธน.สี นับตั้งแต่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565 และเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ปธน.สีเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีจีนเป็นสมัยที่ 3
ในการเยือนรัสเซียครั้งนี้ ปธน.สีได้ประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และมีการลงนามในข้อตกลงหลายสิบฉบับเพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างจีนและรัสเซีย
อย่างไรก็ดี สำนักข่าว CNN ตั้งข้อสังเกตว่า ปธน.สีประสบความล้มเหลวในการรับบทบาทเป็นคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในยูเครน โดยแม้ผู้นำทั้งสองได้หารือกันเกี่ยวกับข้อเสนอของจีนในการยุติสงครามในยูเครน แต่ปธน.ปูตินอ้างว่า ยูเครนและชาติตะวันตกยังคงไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมการเจรจา
"เราเชื่อว่าข้อเสนอหลายข้อในแผนสันติภาพของจีนสอดคล้องกับแนวทางของรัสเซีย และสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการเจรจาสันติภาพเมื่อฝ่ายยูเครนและชาติตะวันตกมีความพร้อม แต่จนถึงบัดนี้ เรายังไม่เห็นความพร้อมในฝั่งของพวกเขา" ปธน.ปูตินกล่าว
ขณะเดียวกัน ปธน.ปูตินกล่าวหาชาติตะวันตกว่ายังคงมีแนวคิดที่จะใช้ชาวยูเครนจนถึงคนสุดท้ายในการสู้รบกับรัสเซีย
นอกจากนี้ ปธน.สีและปธน.ปูตินไม่ได้หารือเกี่ยวกับแผนสันติภาพที่เสนอโดยยูเครนแต่อย่างใด ซึ่งโฆษกทำเนียบเครมลินระบุว่า ข้อเสนอของยูเครนเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและยูเครนเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ยูเครนขานรับการมีส่วนร่วมของจีนในการแก้ไขวิกฤตการณ์ในยูเครน แต่ยืนกรานว่ารัสเซียจะต้องถอนกำลังทหารออกจากยูเครน และย้ำความสำคัญในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
ล่าสุด รัสเซียเปิดฉากยิงขีปนาวุธถล่มเมืองซาปอริซเซียทางใต้ของยูเครนอย่างหนักในวันนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 ราย ซึ่งรวมถึงเด็ก 2 คนในวัย 7 ขวบและ 9 ขวบ
ทั้งนี้ รัสเซียยังคงเดินหน้าโจมตียูเครน แม้ว่าปธน.สีเพิ่งหารือแผนสันติภาพในการยุติสงครามยูเครนกับปธน.ปูติน