โฆษกทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวานนี้ (26 มี.ค.) ว่า สหรัฐกังวลอย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอิสราเอลและขอเรียกร้องให้คณะผู้นำอิสราเอลหาทางประนีประนอมโดยเร็วที่สุด หลังจากที่มีการสั่งปลดรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอลจนทำให้ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงครั้งใหญ่
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวานนี้ นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล สั่งปลดนายโยอาฟ กัลแลนต์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งเกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่นายกัลแลนต์ออกมาต่อต้านจุดยืนของรัฐบาลโดยเรียกร้องให้ยุติแผนการปฏิรูประบบตุลาการอันอื้อฉาว
นางเอเดรียน วัตสัน โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐแถลงว่า "เรายังคงเรียกร้องให้ผู้นำอิสราเอลหาทางประนีประนอมโดยเร็วที่สุด เราเชื่อว่านั่นคือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับอิสราเอลและประชาชนชาวอิสราเอลทุกคน"
ทั้งนี้ รัฐบาลผสมของอิสราเอลที่มาจากพรรคลิคุด (Likud) ของนายเนทันยาฮูและกลุ่มขวาจัดคลั่งศาสนา ซึ่งครองอำนาจมาได้ประมาณ 3 เดือน กำลังเผชิญวิกฤตความแตกแยกภายในรัฐบาล เนื่องจากเห็นไม่ตรงกันในเรื่องแผนการปฏิรูปศาล โดยแผนดังกล่าวเสนอให้รัฐบาลมีอิสระมากขึ้นในการเสนอชื่อผู้พิพากษาศาลฎีกา อันเป็นการเพิ่มอิทธิพลทางการเมืองของฝ่ายบริหารในกระบวนการแต่งตั้งตุลาการ
"ตามที่ท่านประธานาธิบดีได้หารือกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเมื่อเร็ว ๆ นี้ ค่านิยมทางประชาธิปไตยเป็นเครื่องหมายรับรองความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับอิสราเอลตลอดมาและจะต้องเป็นอยู่ตลอดไป" นางวัตสันกล่าว
"สังคมประชาธิปไตยจะเข้มแข็งขึ้นได้ด้วยการถ่วงดุลอำนาจ และการเปลี่ยนแปลงในขั้นรากฐานต่อระบบประชาธิปไตยควรดำเนินการโดยมีฐานเสียงสนับสนุนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" เขากล่าว