นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ถูกศาลเมืองแมนฮัตตันตั้งข้อหาความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ 34 กระทง กรณีปลอมแปลงบันทึกทางธุรกิจเพื่อจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ไม่ให้แฉความสัมพันธ์ลับ ขณะที่นายทรัมป์ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด
นายทรัมป์เดินทางถึงศาลอาญาแมนฮัตตันในวันอังคาร (4 เม.ย.) เพื่อมอบตัวต่ออัยการ และรับทราบข้อกล่าวหา อย่างไรก็ดี นายทรัมป์ไม่ได้ถูกสวมกุญแจมือขณะเดินเข้าไปในศาล และสื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปบันทึกภาพเหตุการณ์ภายในห้องพิจารณาคดี
ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า นายทรัมป์จะปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้ง 34 กระทง และคาดว่าเรื่องอื้อฉาวเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อการลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของนายทรัมป์
ทั้งนี้ นายทรัมป์ถูกดำเนินคดีอาญาจากกรณีที่สั่งให้นายไมเคิล โคเฮน ทนายความของเขา นำเงิน 130,000 ดอลลาร์ไปจ่ายให้กับคาเรน แมคโดกัล อดีตนางแบบนิตยสารเพลย์บอย และสตอร์มี เดเนียลส์ ดาราหนังผู้ใหญ่ เพื่อให้ทั้งสองไม่เปิดเผยความสัมพันธ์กับนายทรัมป์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 ซึ่งเข้าข่ายการใช้จ่ายเงินรณรงค์หาเสียงอย่างผิดกฎหมาย
ในเดือนพ.ค. 2562 นายโคเฮนถูกจำคุกที่เรือนจำรัฐนิวยอร์กเป็นเวลา 3 ปี หลังจากที่เขาสารภาพผิดในคดีต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการละเมิดกฎหมายควบคุมการใช้จ่ายในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง, การฉ้อโกงเงิน, การหลีกเลี่ยงภาษี และการให้การเท็จต่อสภาคองเกรส โดยมี 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนกฎหมายระดมทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งนายโคเฮนได้นำเงินไปจ่ายให้กับแมคโดกัลและเดเนียลส์ เพื่อเป็นค่าปิดปากว่าทั้งสองสาวเคยมีความสัมพันธ์กับนายทรัมป์ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2559 เพื่อเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ให้กับนายทรัมป์ในเวลานั้น
การขึ้นศาลของทรัมป์ในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากคณะลูกขุนของศาลแขวงเมืองแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์กของสหรัฐ ได้ลงมติดำเนินคดีอาญาต่อนายทรัมป์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ในข้อหาจ่ายเงินปิดปากดาราหนังผู้ใหญ่ไม่ให้แฉความสัมพันธ์ลับ ซึ่งเข้าข่ายการใช้จ่ายเงินรณรงค์หาเสียงอย่างผิดกฎหมายในศึกเลือกตั้งปี 2559 ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐที่อดีตประธานาธิบดีถูกดำเนินคดีอาญา
นายอัลวิน แบรกก์ อัยการของศาลแขวงแมนฮัตตันซึ่งเป็นผู้นำในการทำคดีดังกล่าวเปิดเผยว่า บันทึกทางธุรกิจหลายฉบับแสดงให้เห็นว่ามีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อปกปิดการกระทำที่เข้าข่ายประพฤติผิดในคดีอาญา ซึ่งถือเป็นการทำลายข้อมูลที่เป็นหลักฐานสำคัญ
"ตามกฎหมายรัฐนิวยอร์กนั้น การกระทำเหล่านี้ถือเป็นความผิดในคดีอาญาไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม เราจะไม่มีวันยอมให้พฤติกรรมอันเข้าข่ายคดีอาญาเช่นนี้กลายเป็นพฤติกรรมที่ปกติได้" นายแบรกก์กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากศาลตัดสินดำเนินคดีนายทรัมป์
ทางด้านนายทอดด์ บลานช์ ทนายความของนายทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังจากศาลเสร็จสิ้นการพิจารณาคดีว่า "นายทรัมป์รู้สึกผิดหวังและไม่สบอารมณ์กับผลการพิจารณาคดี แต่เขายังคงมีกำลังใจที่จะเดินหน้าต่อไป เรื่องนี้ไม่อาจหยุดยั้งเจตนารมณ์ของเขาได้ และไม่สามารถทำให้เขาช้าลงด้วย ผมไม่รู้สึกประหลาดใจต่อผลการพิจารณาคดี และทีมทนายของผมพร้อมที่จะต่อสู้ในทุกข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ สื่อสหรัฐรายงานว่า การไต่สวนเพื่อพิจารณาคดีในรอบต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.ปีนี้