สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดว่า การเดินทางเยือนจีนของประธานาธิบดีลูอิส อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล จะประกอบด้วยการเดินทางเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมของหัวเว่ยในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งอาจสร้างความไม่พอใจให้แก่สหรัฐที่กล่าวหาว่า หัวเว่ยเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
รายงานระบุว่า นายลูลาจะเดินทางไปยังศูนย์นวัตกรรมของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ในวันพฤหัสบดีนี้ (13 เม.ย.) โดยการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ณ กรุงปักกิ่งในวันศุกร์ (14 เม.ย.) ล่าช้าจากกำหนดการเดิมไป 2-3 สัปดาห์ เนื่องจากปธน.ลูลามีอาการปอดบวมเล็กน้อยในช่วงปลายเดือนที่ผ่านมา
การเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ซึ่งมีขึ้นเพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่ปธน.ลูลาเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อหารือกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ แสดงให้เห็นว่าผู้นำบราซิลให้ความสำคัญกับทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็น 2 คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของบราซิล
ขณะเดียวกัน การเดินทางเยือนหัวเว่ยเป็นการส่งสัญญาณว่าเขาจะไม่เลือกข้างในข้อพิพาทของสหรัฐกับหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของจีน
การเดินทางเยือนจีนของปธน.ลูลามีขึ้น หลังจากการเดินทางเยือนจีนในลักษณะเดียวกันของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสซึ่งเรียกร้องให้ยุโรปพัฒนาเอกราชเชิงกลยุทธ์ (Strategic Autonomy) ให้มากขึ้น รวมทั้งลดการพึ่งพาสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะทำให้ชาติสมาชิก EU ตกเป็นเครื่องมือในวิกฤตความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
หลังจากต้อนรับปธน.ลูลาแล้วนั้น เจ้าหน้าที่จีนเตรียมต้อนรับนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัทเทสลาซึ่งอาจเดินทางเยี่ยมชมโรงงานเทสลาในเซี่ยงไฮ้
ทั้งนี้ เมื่อปี 2564 ขณะที่คณะกรรมการกลางที่กำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐประกาศให้หัวเว่ยอยู่ในรายชื่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าข่ายสร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศนั้น หัวเว่ยได้ชนะการประมูลเพื่อจัดหาอุปกรณ์สำหรับการใช้เทคโนโลยี 5G ทั่วบราซิล