สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ไต้หวันเตรียมซื้อขีปนาวุธฮาร์พูน (Harpoon missile) ที่ยิงจากพื้นดินจำนวน 400 ลูกจากสหรัฐ เพื่อรับมือกับการรุกรานจากจีน โดยได้บรรลุข้อตกลงที่สภาคองเกรสสหรัฐอนุมัติไว้ในปี 2563
นายรูเพิร์ต แฮมมอนด์-แชมเบอร์ส ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-ไต้หวันและผู้เกี่ยวข้องอีก 3 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ในอุตสาหกรรมกลาโหมยืนยันว่า สัญญาจัดซื้ออาวุธเป็นของไต้หวัน โดยระบุว่า ก่อนหน้านี้ ไต้หวันได้ซื้อขีปนาวุธฮาร์พูนที่ยิงจากเรือซึ่งผลิตโดยบริษัทโบอิ้ง และตอนนี้ กองบัญชาการระบบอากาศนาวีของสหรัฐทำสัญญาในนามของไต้หวันกับบริษัทโบอิ้ง โดยถือเป็นสัญญาฉบับแรกสำหรับการซื้อขีปนาวุธที่ยิงจากพื้นดิน
อย่างไรก็ตาม กระทรวงกลาโหมของสหรัฐหรือเพนตากอนได้ประกาศสัญญามูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์กับบริษัทโบอิ้งไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้ระบุว่าไต้หวันเป็นผู้ซื้อแต่อย่างใด โดยข้อตกลงดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐกำลังร้อนระอุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในประเด็นที่เกี่ยวกับไต้หวันซึ่งจีนอ้างว่าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของตน โดยจีนได้จัดการซ้อมรบเพื่อตอบโต้กรณีการพบปะกับนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐของนางไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
ทั้งนี้ พันเอกมาร์ติน ไมเนอร์ส โฆษกกระทรวงกลาโหมปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าไต้หวันเป็นผู้จัดซื้อขีปนาวุธหรือไม่ แต่ระบุว่า "เราจะเดินหน้าทำงานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมเพื่อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศให้แก่ไต้หวันได้อย่างทันท่วงที" และเสริมว่า "การที่สหรัฐจัดหายุทโธปกรณ์ป้องกันประเทศให้กับไต้หวัน ซึ่งรวมถึงการคงไว้ซึ่งขีดความสามารถที่มีอยู่เดิมผ่านการขายยุทโธปกรณ์ทางทหารให้แก่ต่างประเทศ (FMS) และการขายเชิงพาณิชย์โดยตรง (DCS) นั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของไต้หวัน"