กลุ่ม G7 เปิดเผยในวันนี้ (18 เม.ย.) ว่า ชาติสมาชิกมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันยิ่งกว่าที่เคย โดยทางกลุ่มได้วิพากษ์วิจารณ์ประเด็นที่จีนเพิ่มแรงกดดันต่อไต้หวัน และการที่รัสเซียขู่ว่าจะตั้งสถานีอาวุธนิวเคลียร์ในเบลารุส ในขณะที่กำลังทำสงครามกับยูเครน
"ความแข็งแกร่งในด้านความสามัคคีระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของกลุ่ม G7 นั้นอยู่ในระดับที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน" นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นระบุในการแถลงข่าว หลังเป็นเจ้าภาพการประชุมของกลุ่มที่เมืองคารุอิซาวะ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแสดงความสามัคคีนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศสกล่าวในเดือนนี้ว่า สหภาพยุโรปควรลดการพึ่งพาสหรัฐ และเตือนไม่ให้ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับวิกฤตไต้หวัน
จีนมองว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนตน และไม่ได้มีท่าทีว่าจะยุติการใช้กำลังเพื่อยึดครองเกาะไต้หวัน ในขณะที่ประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ผู้นำไต้หวันกล่าวว่า มีเพียงชาวไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินอนาคตของตนเองได้
แถลงการณ์ของกลุ่ม G7 จะบ่งชี้ถึงการหารือเรื่องการใช้กำลังทางทหารของรัสเซียและเรื่องความกังวลที่จีนจะกระทำแบบเดียวกันนั้นกับไต้หวัน ซึ่งเป็นประเด็นหลักในการประชุม 3 วัน (16-18 เม.ย.)
ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า รัสเซียจะติดตั้งฐานอาวุธนิวเคลียร์พิสัยใกล้ ซึ่งเรียกว่าอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธี เนื่องจากพันธมิตรทางทหารขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังขยายกำลังไปยังพรมแดนของรัสเซีย