ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐได้เน้นย้ำว่า การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือต่อสหรัฐและชาติพันธมิตรนั้น จะหมายถึงการสิ้นสุดยุคสมัยการปกครองของนายคิม จองอึน ในขณะที่ปธน.ไบเดนได้ประกาศความพยายามครั้งใหม่ร่วมกับเกาหลีใต้ในการต่อต้านการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ
ปธน.ไบเดนกล่าวในการแถลงข่าวร่วมกับปธน.ยุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ณ ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (26 เม.ย.) ว่า การโจมตีดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ "ไม่อาจยอมรับได้ และจะนำมาซึ่งจุดจบของการปกครองใด ๆ ก็ตามที่กระทำการดังกล่าว"
นอกจากนี้ สหรัฐยังประกาศอีกว่า จะเสริมความแข็งแกร่งในการสกัดกั้นภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ให้แก่เกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงแผนประจำการเรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์ให้กับเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปี
ทั้งนี้ ผู้นำทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องต้องกันในการก่อตั้งกลุ่มที่ปรึกษาด้านนิวเคลียร์เพื่อยกระดับการประสานงาน แบ่งปันข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ และจัดการซ้อมรบร่วมกันมากขึ้น
ผู้นำสหรัฐระบุว่า "เราไม่ได้จะประจำการอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี แต่เรือดำน้ำติดอาวุธนิวเคลียร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องจะไปปรากฏที่ท่าเรือเป็นครั้งคราว และเราจะไม่หันหลังให้กับเรื่องนั้น"
ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้เพิ่มความเข้มข้นในการทดสอบขีปนาวุธ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์เชื่อว่า เกาหลีเหนือกำลังแสวงหาแนวทางในการขยายคลังแสงหัวรบนิวเคลียร์ หลังจากดำเนินการทางการทูตมาตลอดหลายสิบปี ซึ่งรวมถึงการหารือร่วมกันเป็นการส่วนตัวของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์กับนายคิม แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ นอกจากนี้ การทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อไม่นานมานี้ ได้เพิ่มโอกาสที่อาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือจะสามารถยิงไปถึงแผ่นดินของสหรัฐ
ขณะเดียวกัน ปธน.ยุน ก็กำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการยกระดับการป้องกันดินแดน รวมถึงเสียงเรียกร้องให้เกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตัวเองเพื่อใช้ในการป้องกันและปราบปราม