จีนสั่งห้ามประชาชนเดินทางออกนอกประเทศมากขึ้น รวมถึงผู้บริหารธุรกิจที่เป็นชาวต่างชาติด้วย ซึ่งนับเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากรัฐบาลจีนได้ประกาศเปิดประเทศพร้อมรับนักลงทุนต่างชาติ หลังจากที่ปิดประเทศมานาน 3 ปีเพราะมาตรการโควิด-19
รายงานฉบับใหม่ของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์ส (Safeguard Defenders) ซึ่งเป็นองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนระบุว่า มีชาวจีนและชาวต่างชาติจำนวนที่ถูกห้ามไม่ให้เดินทางออกนอกประเทศจีน ขณะที่การวิเคราะห์ของรอยเตอร์พบว่า มีคดีความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการห้ามออกนอกประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และกลุ่มล็อบบี้ธุรกิจต่างชาติต่างแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มดังกล่าว
รายงานของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์สระบุว่า "นับตั้งแต่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ขึ้นเป็นผู้นำจีนในปี 2555 จีนได้ขยายขอบเขตของกฎหมายสำหรับการห้ามออกนอกประเทศ และมีการใช้คำสั่งห้ามดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งบางครั้งก็เป็นการห้ามที่ไม่มีเหตุผลทางด้านกฎหมายสนับสนุน"
นางลอรา ฮาร์ธ ผู้อำนวยการฝ่ายรณรงค์ของเซฟการ์ด ดีเฟนเดอร์สกล่าวว่า "ระหว่างปี 2561 ถึงเดือนก.ค.ปีนี้ จีนได้ออกกฎหมายฉบับใหม่หรือฉบับแก้ไขจำนวนไม่น้อยกว่า 5 ฉบับที่อนุญาตให้มีการใช้คำสั่งห้ามออกนอกประเทศ ซึ่งในปัจจุบันจีนมีกฎหมายที่ใช้ในการห้ามการออกนอกประเทศรวมทั้งสิ้น 15 ฉบับ"
ทั้งนี้ จีนใช้กฎหมายห้ามออกนอกประเทศมากขึ้น ขณะที่จีนและสหรัฐมีความตึงเครียดเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าและความมั่นคง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวขัดแย้งกับการที่จีนได้ประกาศไว้ว่า กำลังเปิดรับการลงทุนและการเดินทางจากต่างประเทศ หลังจากที่ได้ยกเลิกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดที่สุดในโลก