นายลอยด์ เจ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า การของบประมาณสำหรับความริเริ่มในการป้องปรามแปซิฟิก (Pacific Deterrence Initiative : PDI) เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 40% โดยเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของกระทรวงกลาโหมสหรัฐในการขยายอิทธพลแซงหน้าจีน
"เรากำลังมุ่งความสนใจไปยังการก้าวนำหน้าจีนตามยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐ" นายออสตินกล่าวต่อสมาชิกคณะกรรมาธิการงบประมาณวุฒิสภาเมื่อวันอังคารที่ 16 พ.ค. พร้อมระบุว่า "จีนเป็นคู่แข่งรายเดียวของเรา โดยจีนมีความตั้งใจและมีศักยภาพที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการเปลี่ยนระบบสากลเพื่อให้สอดคล้องกับความเผด็จการของตน"
นายออสตินระบุว่า ขณะนี้กระทรวงกลาโหมสหรัฐกำลังทุ่มงบประมาณมากขึ้นในด้านตำแหน่งทางทหารในแปซิฟิก ซึ่งรวมถึงงบประมาณ 9.1 พันล้านดอลลาร์สำหรับโครงการ PDI เพื่อเป็นการยับยั้งจีน
ขณะเดียวกัน นายออสตินระบุว่า หลายประเทศในอินโดแปซิฟิกมีความสนใจที่จะรักษาภูมิภาคให้มีการเปิดกว้างด้านการค้าเสรีเช่นเดียวกับสหรัฐ
นอกจากนี้ นายออสตินระบุว่า สหรัฐได้พยายามเพิ่มการระดมกำลังสินทรัพย์ไปยังญี่ปุ่น เช่น การวางแผนที่จะจัดตั้งหน่วยนาวิกโยธินที่ 12 (12th Marine Littoral Regiment) ขณะเดียวกันก็มีแผนริเริ่มทางทหารใหม่ที่ชื่อว่า Force Posture Initiatives กับออสเตรเลีย และสหรัฐจะเข้าถึงสถานที่ใหม่ ๆ ในการสับเปลี่ยนทหารในฟิลิปปินส์
"ขณะที่เรากำลังขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงกับเกาหลีใต้ อินเดีย ไทย สิงคโปร์และอีกหลายประเทศ เราก็กำลังกระชับความสัมพันธ์กับอาเซียนและกลุ่มควอด ซึ่งประกอบด้วยสหรัฐ ออสเตรเลีย อินเดียและญี่ปุ่น และผมมีความยินดีที่สหรัฐจะจัดหาความช่วยเหลือด้านความมั่นคงเพิ่มเติมให้กับไต้หวันตามที่สภาคองเกรสได้อนุมัติไปเมื่อปีที่แล้วเร็ว ๆ นี้"