สหรัฐและเกาหลีใต้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า เกาหลีเหนือกำลังเพิ่มความพยายามในการส่งพนักงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ไปทำงานในต่างประเทศ ขณะเดียวกันเกาหลีเหนือได้กระทำการโจมตีทางไซเบอร์และก่ออาชญากรรมออนไลน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อหาเงินทุนสนับสนุนโครงการอาวุธ พร้อมกับคาดการณ์ว่าเกาหลีเหนือเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์โควิด-19 อันเข้มงวด
"นี่คืออุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต ด้วยเหตุนี้เกาหลีเหนือจึงมีแนวโน้มที่จะเปิดพรมแดน และส่งแรงงานเพิ่มเติมไปยังทุกส่วนของโลกเพื่อสร้างรายได้ และเราคิดว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อย ๆ" นางจอง พัค พัค รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทวงต่างประเทศสหรัฐ ฝ่ายกิจการพหภาคีและรองผู้แทนพิเศษประจำสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ในสัปดาห์นี้ กระทรวงการคลังสหรัฐได้คว่ำบาตรหน่วยงาน 4 แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับกองทัพและหน่วยข่าวกรองของเกาหลีเหนือ และชาวเกาหลีเหนือ 1 คนในเมืองวลาดิวอสต็อกของรัสเซียซึ่งได้รับการจ่ายเงินด้วยสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี จากเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือ
สหรัฐและเกาหลีใต้กล่าวว่า เกาหลีเหนือส่งโปรแกรมเมอร์หลายพันคนไปต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่ส่งไปจีนและรัสเซีย ในช่วงก่อนที่เกาหลีเหนือจะปิดพรมแดนในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พนักงานเกาหลีเหนือที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านี้ สามารถทำเงินในต่างประเทศได้มากถึงปีละ 300,000 ดอลลาร์ และช่วยเปิดช่องทางการโจมตีทางไซเบอร์และจารกรรมสกุลเงินคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งสร้างเม็ดเงินให้เกาหลีเหนือประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์ในปี 2565
ทั้งนี้ ความพยายามของสหรัฐและองค์การสหประชาชาติในการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ แทบจะไม่สามารถหยุดยั้งโครงการอาวุธของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสูดของเกาหลีเหนือได้ โดยเมื่อปีที่แล้ว เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธไปแล้วมากกว่า 70 ลูก