ในการกล่าวปราศรัยครั้งนี้ นายทองลุนเอ่ยถึงความท้าทายระดับโลกที่กลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากขึ้น หากปล่อยปละละเลย โดยถ้อยแถลงนี้มีขึ้นในช่วงที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงยืดเยื้อ และกระแสความกังวลที่ว่าอาจมีการปะทะทางทหารในช่องแคบไต้หวัน
อย่างไรก็ตาม นายทองลุนไม่ได้เอ่ยอย่างเฉพาะเจาะจงถึงความขัดแย้งหรือการเผชิญหน้าใด ๆ แต่เขาเรียกร้องให้มีการแก้ปัญหาอย่างสันติ แทนที่จะใช้ความรุนแรงหรือการคว่ำบาตร
"มนุษยชาติมีประวัติศาสตร์อันเจ็บปวดจากสงครามและการทำลายล้างที่เกิดขึ้นจากสงคราม รวมถึงสงครามโลกทั้ง 2 ครั้ง" นายทองลุนกล่าว พร้อมระบุว่าประชาชนชาวลาว "ซาบซึ้งในคุณค่าของสันติภาพและเอกราชของชาติ" โดยอ้างถึงประสบการณ์ตรงที่ลาวเคยได้เผชิญกับสงครามที่กินระยะเวลายาวนานร่วมทศวรรษ
ในขณะที่ลาวมีกำหนดจะเป็นประธานสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (ASEAN) ในปี 2567 นายทองลุนกล่าวว่า รัฐบาลของเขาจะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่
ทั้งนี้ อาเซียนเองก็เกิดความแตกแยกกันภายในกลุ่มเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในเมียนมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหาร
ลาว ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาคนี้ มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสูงในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ประสบความลำบากในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ในขณะที่ต้องรับมือกับปัญหาหนี้สิน เงินกีบอ่อนค่า และอัตราเงินเฟ้อ