ร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐได้ผ่านบททดสอบด่านแรกในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการพิจารณาข้อบังคับแห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ (House Rules Committee) ในวันอังคาร (30 พ.ค.) ตามเวลาสหรัฐด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 6 เสียง แม้สมาชิกพรรครีพับลิกัน 2 ใน 9 คนในคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า พวกเขาคัดค้านการส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะในวันพุธที่ 31 พ.ค.ตามเวลาสหรัฐ
นายโธมัส แมสซี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐเคนทักกีซึ่งเป็นตัวแปรคนสำคัญของพรรครีพับลิกันในการโหวตครั้งนี้ได้สนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ให้ผ่านเข้าไปสู่ขั้นตอนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า การที่นายแมสซีส่งสัญญาณสนับสนุนร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้ทำให้มีสมาชิกพรรครีพับลิกันจำนวน 7 คนจากทั้งหมด 9 คนในคณะกรรมการฯ ที่ลงมติอนุมัติ โดยถือว่าเพียงพอในการผลักดันร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎรเต็มคณะ ซึ่งคาดว่าจะมีการโหวตภายในเวลา 24 ชั่วโมงข้างหน้า ขณะที่กรรมการที่เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตจำนวนทั้งหมด 4 คนนั้นลงมติคัดค้านร่างกฎหมายนี้
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเต็มคณะจะโหวตร่างกฎหมายดังกล่าวในวันพุธที่ 31 พ.ค. ก่อนที่จะส่งต่อเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาสหรัฐ และหากวุฒิสภาให้ความเห็นชอบ ก็จะส่งต่อให้ปธน.ไบเดนลงนามเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
อย่างไรก็ดี กระบวนการผ่านกฎหมายดังกล่าวจะต้องเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 5 มิ.ย. มิฉะนั้นสหรัฐจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ครั้งประวัติศาสตร์
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ สามารถบรรลุข้อตกลงการปรับเพิ่มเพดานหนี้เป็นผลสำเร็จ โดยข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมถึงการระงับเพดานหนี้ชั่วคราว ซึ่งจะมีผลให้กระทรวงการคลังสหรัฐมีสิทธิ์ในการกู้ยืมเงินอย่างเป็นอิสระไปจนถึงเดือนม.ค. 2568 โดยข้อตกลงฉบับนี้ถือเป็นชัยชนะของพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะอย่างยิ่งปธน.ไบเดนที่จะไม่ต้องเผชิญกับการต่อสู้เรื่องการปรับเพิ่มเพดานหนี้ก่อนที่การเลือกตั้งปธน.สมัยที่สองจะมีขึ้นในปีหน้า ทั้งนี้ เพดานหนี้คือจำนวนเงินทั้งหมดที่รัฐบาลสหรัฐได้รับอนุญาตให้ทำการกู้ยืมเพื่อให้รัฐบาลสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสวัสดิการด้านประกันสังคมและด้านสุขภาพ, ดอกเบี้ยตราสารหนี้ของรัฐบาล และการใช้จ่ายอื่น ๆ