สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์รายงานว่า เขื่อนคาคอฟกา (Kakhovka) บนแม่น้ำดนิโปร (Dnipro) ทางภาคใต้ของประเทศยูเครนถูกระเบิดพังเสียหายในวันนี้ (6 มิ.ย.) ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่โดยรอบ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ยูเครนจะเปิดฉากรุกตอบโต้รัสเซียและเสี่ยงที่จะกระทบต่อแหล่งน้ำสำคัญสำหรับในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ทั้งนี้ รัสเซียและยูเครนต่างก็กล่าวโทษอีกฝ่ายว่าเป็นผู้ก่อเหตุถล่มเขื่อนคาคอฟกาในครั้งนี้ โดยยูเครนเตือนว่า เหตุการณ์ครั้งนี้จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงและจะกระทบต่อสถานที่ต่าง ๆ หลายสิบแห่ง รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ซึ่งโรงไฟฟ้าแห่งนี้ต้องพึ่งพากระแสน้ำเพื่อหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์
นายโอเลกซานเดอร์ โปรคูดิน ผู้ว่าการแคว้นเคอร์ซอน (Kherson) ของยูเครนระบุว่า กองกำลังรัสเซียได้ทำการระเบิดเขื่อนคาคอฟกา พร้อมสั่งการให้ประชาชนในหมู่บ้านหลายแห่งอพยพออกจากริมฝั่งแม่น้ำตะวันตกของแม่น้ำดนิโปรที่ยูเครนเป็นฝ่ายควบคุม
นายโปรคูดินระบุว่า ระดับแม่น้ำในพื้นที่ดังกล่าวตกอยู่ในความเสี่ยง รวมถึง เมืองเคอร์ซอน ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นเคอร์ซอน โดยอาจจะกลายเป็นวิกฤตในเวลา 11.00 น.ของวันนี้ตามเวลายูเครน หรือ 15.00 น.ของวันนี้ตามเวลาไทย
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงฉุกเฉินในวันนี้ พร้อมกล่าวโทษว่า "กลุ่มก่อการร้ายรัสเซีย" เป็นผู้ก่อเหตุระเบิดเขื่อนครั้งนี้
"การทำลายสถานีไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟกาจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ร้ายแรงต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งใช้น้ำจากอ่างเก็บน้ำคาคอฟกาในการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์" นายมุสตาฟา เนย์เยม หัวหน้าสำนักงานบูรณะซ่อมแซมของยูเครนระบุ
รายงานระบุว่า เหตุน้ำท่วมจากการระเบิดเขื่อนครั้งนี้มีแนวโน้มที่จะสร้างความซับซ้อนให้กับแผนการของยูเครนในการบุกโจมตีพื้นที่ดังกล่าวภายใต้ปฏิบัติการรุกตอบโต้รัสเซีย