สหรัฐบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลกว่า 12 รายในอิหร่าน, จีน และฮ่องกง รวมถึงผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมของอิหร่านในกรุงปักกิ่งด้วยเมื่อวันอังคาร (6 มิ.ย.) โดยกล่าวหาว่า พวกเขาดำเนินการเครือข่ายการจัดซื้อสำหรับโครงการขีปนาวุธและการทหารของอิหร่าน กระทรวงการคลังสหรัฐระบุว่า เครือข่ายดังกล่าวทำธุรกรรมและช่วยอิหร่านจัดหาชิ้นส่วนและเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับการพัฒนาขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งรวมถึงการให้การสนับสนุนกับองค์กรหลัก อาทิ กระทรวงกลาโหมและหน่วยงานส่งกำลังบำรุงของกองทัพบกอิหร่าน (MODAFL) ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรอยู่แล้ว
ในบรรดาผู้ที่ถูกคว่ำบาตรในปฏิบัติการดังกล่าวซึ่งมีขึ้นในขณะที่สหรัฐเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่านนั้น รวมถึงนายดาวูด แดมกานี ผู้ช่วยทูตฝ่ายกลาโหมของอิหร่านในกรุงปักกิ่ง ซึ่งกระทรวงการคลังสหรัฐกล่าวหาว่า เขาได้ประสานงานการจัดซื้อที่เกี่ยวข้องกับการทหารจากจีนให้กับผู้ใช้ปลายทางในอิหร่าน รวมถึงบริษัทในเครือ MODAFL
นายไบรอัน เนลสัน รัฐมนตรีกระทรวงการก่อการร้ายและข่าวกรองทางการเงินของกระทรวงการคลังกล่าวว่า "สหรัฐจะยังคงมุ่งเป้าไปที่เครือข่ายการจัดซื้อข้ามชาติที่ผิดกฎหมายซึ่งแอบสนับสนุนการผลิตขีปนาวุธและโครงการทางทหารอื่น ๆ ของอิหร่าน"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ในเดือนมี.ค. 2564 จีนและอิหร่านได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระยะเวลา 25 ปีเพื่อเสริมสร้างความเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจและการเมืองที่มีมาอย่างยาวนาน โดยจีนเป็นผู้ซื้อน้ำมันรายใหญ่ของอิหร่าน แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐจะออกแบบมาเพื่อปิดกั้นการส่งออกเหล่านี้ก็ตาม