สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ขณะนี้ยูเครนกำลังรับมือกับภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมและด้านระบบนิเวศครั้งใหญ่ เนื่องจากน้ำได้ไหลทะลักเข้าท่วมหลายพื้นที่ในแคว้นเคอร์ซอน ทางตอนใต้ของยูเครน หลังเขื่อนโนวา คาคอฟกา (Nova Kakhovka) ถูกระเบิดพังเสียหาย
รายงานระบุว่า ยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษกันไปมาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ที่โจมตีเขื่อนในช่วงเช้าตรู่ของวันอังคาร (6 มิ.ย.) ซึ่งเหตุระเบิดเขื่อนได้สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในเวลาต่อมา และส่งผลให้ประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากบ้าน และชุมชน 80 แห่งต้องเสี่ยงเผชิญปัญหาอุทกภัย โดยระดับน้ำคาดว่าจะแตะระดับสูงในวันนี้ (7 มิ.ย.)
คลิปวิดีโอที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ และเจ้าหน้าที่รายอื่นเผยให้เห็นภาพน้ำที่ไหลบ่าลงมาเหนือสันเขื่อนที่พังเสียหาย โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า เขื่อนดังกล่าว ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยสหภาพโซเวียตจุน้ำปริมาณ 18 ลูกบาศก์กิโลเมตร (4.3 ลูกบาศก์ไมล์) หรือเทียบเท่าทะเลสาบเกรตซอลต์ (Great Salt Lake) ที่ตั้งอยู่ในรัฐยูทาห์ของสหรัฐ
ทางการยูเครนกล่าวว่า กองกำลังรัสเซียเป็นผู้ลงมือระเบิดเขื่อน โดยมีเจตนาจะชะลอการโจมตีตอบโต้ในดินแดนทางตอนใต้ ขณะที่รัสเซียได้ออกมาปฏิเสธพร้อมตอบโต้กลับว่า ยูเครนจงใจทำลายเขื่อนดังกล่าวเองเพื่อสร้างความเสียหายให้กับแหล่งน้ำในดินแดนไครเมียที่รัสเซียยึดครองอยู่ และเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปฏิบัติการรุกตอบโต้ของฝ่ายยูเครน
ด้านนักวิเคราะห์แสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่เขื่อนจะได้รับความเสียหายในเชิงโครงสร้างและการจัดการที่ผิดพลาด ซึ่งบั่นทอนความแข็งแรงของเขื่อนก่อนที่มันจะแตกออกเมื่อวานนี้
สำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียรายงานว่า หน่วยงานของรัสเซียซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ยึดครองได้บางส่วนของแคว้นเคอร์ชอนได้ประกาศภาวะฉุกเฉินแล้ว หลังจากบ้านเรือนจำนวนมากขึ้นถูกน้ำท่วมหนัก
นอกจากนี้ หน่วยบริการฉุกเฉินกล่าวกับสำนักข่าวทาสส์ว่า บ้านเรือน 2700 หลังในชุมชน 15 แห่งของเคอร์ชอน ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยราว 22,000 คน ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และประชาชนเกือบ 1,300 คนได้อพยพออกจากพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ สำนักข่าวทาสส์ระบุว่า ระดับน้ำ ณ เขื่อนโนวา คาคอฟกาสูงเกิน 12 เมตรแล้ว