นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐได้ถูกคณะลูกขุนใหญ่ (Federal Grand Jury) ดำเนินคดีอาญา ในข้อหาปฏิเสธการส่งคืนเอกสารที่ถูกพบในบ้านพักของเขาในรัฐฟลอริดาให้กับทางราชการ และข้อหาขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า คดีอาญาซึ่งกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงเมืองไมอามีนั้น ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เนื่องจากยังไม่เคยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนใดในประวัติศาสตร์ที่ถูกดำเนินคดีอาญา
ทั้งนี้ การถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาจะส่งผลกระทบต่อการที่นายทรัมป์จะลงชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันเพื่อชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีในปี 2567 และอาจจะทำให้นายทรัมป์ต้องถูกตัดสินจำคุก หรืออาจจะถูกตัดสิทธิ์จากการดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าข้อหาดังกล่าวนี้จะถูกศาลพิพากษาว่ามีความผิดจริงหรือไม่
แหล่งข่าวระบุว่า นายทรัมป์ถูกดำเนินคดีใน 7 ข้อหาด้วยกัน ซึ่งรวมถึงจงใจยึดครองเอกสารด้านความมั่นคงของชาติเอาไว้, ปกปิดซ่อนเร้นเอกสารโดยทุจริต, สมรู้ร่วมคิดกับผู้อื่นในการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และให้การเท็จ โดยเอกสารเหล่านี้จะมีการเผยแพร่ต่อสาธารณะในวันนี้ (9 มิ.ย.)
ตามกฎหมายสหรัฐนั้น การถูกดำเนินคดีในข้อหาจงใจปกปิดซ่อนเร้นหรือทำลายบันทึกของรัฐบาลจะถูกลงโทษด้วยการถูกตัดสิทธิ์จากการดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐ ส่วนการละเมิดกฎหมายการจารกรรม (Espionage Act) ด้วยการยึดข้อมูลด้านความมั่นคงของชาติเอาไว้นั้น จะถูกตัดสินจำคุก 10 ปี และการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมจะถูกตัดสินจำคุกสูงถึง 20 ปี อย่างไรก็ดี คาดว่านายทรัมป์อาจจะไม่เผชิญกับบทลงโทษขั้นสูงสุด
นายทรัมป์ได้โพสต์ข้อความลงในแพลตฟอร์ม "Truth Social" ของเขาเมื่อคืนวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐว่า เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และระบุว่า เขาได้ถูกเรียกให้ไปขึ้นศาลที่ศาลแขวงเมืองไมอามีในวันอังคาร (13 มิ.ย.)
"ผมไม่เคยคิดเลยว่า เรื่องเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐ" นายทรัมป์กล่าว โดยเขาอ้างว่า ทุกคดีที่พุ่งเป้าเล่นงานเขาคือการขัดขวางไม่ให้เขาได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง ขณะที่ทีมหาเสียงของทรัมป์ระบุว่า การดำเนินคดีดังกล่าวถือการเปิดฉากสงครามโดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ