นายวิลเลียม บาร์ อดีตอัยการสูงสุดของสหรัฐ กล่าวสนับสนุนคำฟ้องคดีอาญาอุกฉกรรจ์ 37 กระทงของนายแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษ ที่มีต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ โดยกล่าวว่า หากข้อกล่าวหาที่นายทรัมป์จงใจเก็บเอกสารลับหลายร้อยฉบับได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นความจริง "เขาเละแน่"
"ผมตกใจกับระดับความละเอียดอ่อนและจำนวนของเอกสารเหล่านี้ และผมคิดว่ากระทงต่าง ๆ ภายใต้รัฐบัญญัติจารกรรมที่ว่าเขาจงใจเก็บรักษาเอกสารเหล่านั้นไว้นั้นถือเป็นกระทงความที่มีเหตุผล" นายบาร์กล่าวผ่านรายการ "ฟ็อกซ์นิวส์ซันเดย์"
"ต่อให้จริงแค่ครึ่งเดียว เขาก็เละแน่"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ว่า นายบาร์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดในสมัยทรัมป์ตั้งแต่เดือนก.พ. 2562 ถึง ธ.ค. 2563 นั้น ให้ความเห็นในช่วงที่เหล่าคนดังในพรรครีพับลิกันคนอื่น ๆ ลังเลที่จะวิจารณ์นายทรัมป์ ผู้เป็นแคนดิเดตตัวเต็งจากพรรครีพับลิกันในการลงชิงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2567
ด้านนายทรัมป์ตอบโต้ความเห็นนายบาร์ผ่านทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย "ทรูธโซเชียล" ของตน โดยดูถูกนายบาร์ว่าเป็นอัยการสูงสุดที่ "ขี้เกียจ" และ "อ่อนแอ" และออกมาให้ข้อมูลเท็จเพียงเพราะเขาไม่พอใจตน
"ปิดช่องฟ็อกซ์นิวส์ซะถ้า ?ไอ้หมูขี้ขลาด? นั่นโผล่มา" นายทรัมป์กล่าว
ทั้งนี้ นายทรัมป์มีกำหนดต้องขึ้นศาลครั้งแรกในวันอังคาร (13 มิ.ย.) นี้ ตามเวลาท้องถิ่น ที่ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐ ในเมืองไมอามี รัฐฟลอริดา เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 37 กระทง โดย 31 กระทงแรกว่าด้วยการจงใจเก็บรักษาบันทึกด้านกลาโหมของประเทศภายใต้รัฐบัญญัติจารกรรม ส่วนข้อที่เหลือเป็นเรื่องของการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม, การแถลงข้อความเท็จ, การสมรู้ร่วมคิด และการปกปิด
คำฟ้องดังกล่าวระบุว่า นายทรัมป์จัดเก็บเอกสารลับแบบไม่เป็นระเบียบที่บ้านของเขาในเมืองปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ทั้งยังปฏิเสธที่จะส่งคืนให้รัฐบาล ตลอดจนพยายามซ่อนเอกสารเหล่านี้จาก FBI หรือแม้แต่ทนายความของเขาเอง หลังจากที่คณะลูกขุนใหญ่ออกหมายเรียกพยานเรียกร้องให้นายทรัมป์ส่งคืนเอกสารลับทั้งหมด
นายทรัมป์เปิดเผยกับสำนักข่าวโพลิติโกเมื่อวันเสาร์ (10 มิ.ย.) ว่า เขาจะเดินหน้าหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อไป ต่อให้เขาจะถูกตัดสินว่ามีความผิดในคดีนี้ก็ตาม "ผมจะไม่มีวันจากไปไหน"
แคมเปญหาเสียงของนายทรัมป์ระบุว่า เขามีกำหนดการจะให้ความเห็นถึงคดีนี้ในเวลา 20:15 น. วันอังคาร ตามเวลาท้องถิ่น ที่สนามกอล์ฟของเขาในเมืองเบดมินสเตอร์ รัฐนิวเจอร์ซีย์
ทั้งนี้ นายบาร์เคยเป็นผู้ปกป้องทรัมป์ตัวฉกาจ ที่ทำถึงขนาดแต่งตั้งอัยการพิเศษของตนเพื่อตรวจสอบว่า FBI เปิดการสอบสวนนายทรัมป์อย่างไม่เหมาะสมโดยมีหลักฐานไม่เพียงพอหรือไม่ ว่ารัสเซียอาจมีส่วนพัวพันในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของนายทรัมป์ในปี 2559
แต่ในช่วงสิ้นสุดการดำรงตำแหน่ง มุมมองของนายบาร์ที่มีต่อนายทรัมป์ก็เปลี่ยนไป หลังจากที่นายทรัมป์พยายามกดดันกระทรวงยุติธรรมให้ทำการสอบสวนการฉ้อโกงผู้มีสิทธิเลือกตั้ง อันเป็นความพยายามที่จะล้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2563
ก่อนหน้านี้ นายทรัมป์เก็บรักษาเอกสารลับโดยอ้างแบบไม่มีหลักฐานว่า เขาได้ปลดเอกสารเหล่านี้ออกจากการเป็นเอกสารลับตั้งแต่สมัยที่เขายังดำรงตำแหน่งปธน.แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินคดีก่อนหน้านี้ที่เกี่ยวข้องกับการที่ FBI ค้นบ้านในฟลอริดาของนายทรัมป์นั้น ทนายความของทรัมป์ปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งที่จะยกเหตุผลดังกล่าวมาเป็นข้ออ้างในคำร้องที่ยื่นต่อศาล ขณะที่คำฟ้องคดีอาญาอุกฉกรรจ์ครั้งนี้ยังระบุหลักฐานด้วยว่า นายทรัมป์รู้อยู่แล้วว่าเอกสารที่เขาเก็บไว้นั้น เป็นเอกสารลับ
"สมัยเป็นประธานาธิบดี ผมสามารถปลดมันออกจากการเป็นเอกสารลับได้" คำฟ้องระบุคำพูดของนายทรัมป์ ซึ่งกล่าวถึงเอกสารทางทหารฉบับหนึ่งที่เขาแสดงในระหว่างการประชุมที่สนามกอล์ฟในรัฐนิวเจอร์ซีย์ของเขาในเดือนก.ค. 2564 "ตอนนี้ผมทำไม่ได้แล้ว เพราะนี่ยังเป็นเอกสารลับอยู่"
นอกจากนี้ นายทรัมป์และพันธมิตรของเขาพยายามโต้ว่า ชุดเอกสารที่เป็นหัวใจของคดีในครั้งนี้มีลักษณะเป็นของส่วนบุคคลและอยู่ภายใต้รัฐบัญญัติว่าด้วยบันทึกของประธานาธิบดี
อย่างไรก็ดี นายบาร์กล่าวว่า การอ้างว่าเอกสารเหล่านี้เป็นบันทึกส่วนตัวของนายทรัมป์นั้น "ไร้สาระ"
นายบาร์กล่าวว่า เอกสารที่อ้างถึงในคำฟ้องนั้นเป็น "บันทึกอย่างเป็นทางการ" ที่จัดทำโดยหน่วยข่าวกรองของรัฐบาล ดังนั้น เอกสารเหล่านี้จึงเป็นทรัพย์สินของรัฐบาลสหรัฐ
"แผนการรบเพื่อโจมตีประเทศอื่นหรือเอกสารของกระทรวงกลาโหมเกี่ยวกับขีดความสามารถของเรานั้น ไม่อยู่ในจักรวาลเอกสารส่วนตัวของโดนัลด์ เจ. ทรัมป์" นายบาร์กล่าว