รัฐบาลของนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี มีกำหนดจะเปิดเผย แผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติฉบับแรก ในวันนี้ (14 มิ.ย.) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อให้เห็นภาพรวมของนโยบายต่างประเทศของเยอรมนี และรับประกันแนวทางข้ามกระทรวงที่เหนียวแน่นเพื่อความมั่นคง
ในอดีต เยอรมนีเคยมีเอกสารนโยบายด้านความมั่นคง แต่รัฐบาลชุดปัจจุบันซึ่งประกอบด้วย 3 พรรคการเมือง ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า จำเป็นต้องเพิ่มกลยุทธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในข้อตกลงร่วมฉบับเดือนพ.ย. 2564
การรุกรานยูเครนโดยรัสเซียเป็นการเร่งให้จัดตั้งแผนดังกล่าวเร็วขึ้น และเป็นการแสดงให้เห็นถึงสถานภาพที่ย่ำแย่ของกองทัพเยอรมัน การที่ประเทศพึ่งพารัสเซียด้านพลังงานมากเกินไป และการขาดแคลนการป้องกันโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น ท่อส่งก๊าซ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า เยอรมนีให้ความใส่ใจต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ น้อยเกินไป ซึ่งรวมถึงรัฐเผด็จการที่กล้าแข็งกร้าวมากขึ้น เช่น รัสเซียและจีน ในช่วงหลายทศวรรษแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองหลังสิ้นสุดสงครามเย็น
อย่างไรก็ตาม สงครามยูเครนเป็นการประกาศถึง"จุดเปลี่ยนของยุค" ดังที่นายโชลซ์ กล่าวในการปราศรัยครั้งสำคัญหลังการรุกราน โดยกำหนดให้เยอรมนียกระดับการรักษาความปลอดภัยและเพิ่มการใช้จ่ายในการป้องกันประเทศให้มากขึ้น
นายโชลซ์กล่าวว่า จากนี้ไป เยอรมนีจะลงทุนมากกว่า 2% ของผลผลิตทางเศรษฐกิจในการป้องกันประเทศ เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1.5% ในปัจจุบัน หลังจากที่ต่อต้านคำขอให้เพิ่มการป้องกันประเทศจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มานานหลายปี โดยคาดว่าประเด็นนี้จะถูกบรรจุลงในแผนยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติด้วย
นายนิลส์ ชมิด โฆษกด้านนโยบายต่างประเทศของสมาชิกสภาจากพรรคพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD) ของนายโชลซ์ กล่าวว่า "การรุกรานโดยรัสเซียและแนวโน้มของเผด็จการในพื้นที่อื่น ๆ ของโลก ทำให้เราจำเป็นต้องแสดงจุดยืนในรูปแบบที่แข็งแกร่งกว่านี้"