ในการเดินทางเยือนสหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ผู้นำอินเดียและประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้ออกแถลงการณ์กัน โดยทั้งคู่แสดงความยินดีที่อินเดียกลายเป็นศูนย์กลางสำหรับการบำรุงรักษาและซ่อมแซมเรือของกองทัพเรือสหรัฐ
ในโอกาสนี้ นายกฯโมดีและปธน.ไบเดนได้ประกาศว่ากำลังเจรจาเพื่อหาข้อสรุปสำหรับข้อตกลงการซ่อมเรือที่อู่ต่อเรือลาร์เซนและทูร์บูในเมืองเจนไน รวมถึงอู่ต่อเรือมากาซอนในเมืองมุมไบ และอู่ต่อเรือโกอาในเมืองกัว ซึ่งอู่ต่อเรือทั้งหมดนี้ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกและตะวันตกของอินเดีย และจะช่วยรับมือการมีอยู่ของกองทัพเรือจีนในประเทศจิบูตี ซึ่งเป็นฐานทัพเรือต่างแดนแห่งเดียวของจีน รวมถึงท่าเรือกวาดาร์ในปากีสถานและท่าเรือฮัมบันโตตาในศรีลังกาที่เป็นมิตรกับจีน
อย่างไรก็ดี สหรัฐยังต้องการศูนย์ซ่อมแซมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกฝั่งตะวันตก ซึ่งใกล้กับช่องแคบไต้หวัน โดยปัจจุบันหากเรือลำหนึ่งของสหรัฐได้รับความเสียหายในช่องแคบไต้หวัน จะต้องใช้เวลาถึง 8.2 วันในการแล่นไปยังเมืองซานดิเอโกของรัฐแคลิฟอร์เนีย และ 7.3 วันจึงจะไปถึงเมืองเอเวอร์เร็ตของรัฐวอชิงตัน ซึ่งเป็นการเดินทางด้วยความเร็วสูงสุด ทว่าการเดินเรือไปญี่ปุ่นใช้เวลาเพียงประมาณ 1 วันและจะช่วยให้เรือกลับเข้าสู่การปฏิบัติภารกิจได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
แม้ในยามสงบ การใช้อู่ต่อเรือของชาติพันธมิตรจะช่วยลดปัญหาคอขวดของอู่ต่อเรือสหรัฐที่แน่นขนัดและยกระดับการซ่อมบำรุง ซึ่งกำลังกลายเป็นความท้าทายที่สำคัญมากขึ้นสำหรับกองทัพเรือสหรัฐ เนื่องจากจีนได้แซงหน้าในแง่ของขนาดกองเรือ และกลายเป็นกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
นายโยจิ โคดะ อดีตผู้บัญชาการกองเรือป้องกันตนเองของญี่ปุ่นให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวนิกเกอิเอเชียว่า การใช้อู่ต่อเรือญี่ปุ่นซ่อมแซมเรือรบของสหรัฐ รวมถึงการสร้างเรือใหม่ในอนาคต จะยิ่งช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นเสมือนเป็นกาวที่เหนียวแน่น โดยนายโคดะเป็นผู้สนับสนุนความคิดดังกล่าวและได้หารือเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐอย่างไม่เป็นทางการ