กองทัพอิสราเอลถอนกำลังออกจากฐานที่มั่นในเขตเวสต์แบงก์ในวันนี้ (5 ก.ค.) ซึ่งเป็นการยุติปฏิบัติการ 2 วันอันตึงเครียดที่คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 13 ราย และทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องหลบหนีออกจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง พร้อมทั้งทิ้งร่องรอยความเสียหายเอาไว้เป็นวงกว้าง ขณะที่มีทหารอิสราเอล 1 รายที่ถูกสังหารในปฏิบัติการดังกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลอ้างว่า ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กลุ่มติดอาวุธในค่ายผู้ลี้ภัยเจนินในการดำเนินปฏิบัติการครั้งนี้ ซึ่งรวมถึงการระดมโจมตีทางอากาศหลายชุดและการส่งกองกำลังภาคพื้นดินหลายร้อยนายบุกโจมตี
ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่า กองทัพอิสราเอลจะถอนกำลังทหารแบบระยะยาวหรือไม่ หลังจากที่เกิดการต่อสู้กันอย่างหนักเป็นเวลาเกือบ 1 ปีครึ่งในเขตเวสต์แบงก์
ก่อนการถอนกำลังในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลลั่นวาจาว่า จะดำเนินปฏิบัติการในลักษณะเช่นนี้อีกหากจำเป็น
นายกฯเนทันยาฮูกล่าวระหว่างการเยือนค่ายทหารในเขตชานเมืองของเจนินว่า "ในเวลานี้ เรากำลังจะบรรลุภารกิจของเราแล้ว และผมบอกได้เลยว่า ปฏิบัติการวงกว้างในเมืองเจนินนี้ ไม่ใช่ปฏิบัติการเพียงครั้งเดียวจบ เราจะกำจัดผู้ก่อการร้ายในทุกที่ที่เราพบเจอ และเราจะบุกโจมตีพวกมัน"
การบุกโจมตีเมืองเจนินนั้นเป็นหนึ่งปฏิบัติการที่ดุเดือดที่สุดของกองทัพอิสราเอลในเวสต์แบงก์ นับตั้งแต่ที่กองกำลังติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ลุกฮือขึ้นต่อต้านการยึดครองของอิสราเอลที่สิ้นสุดลงเมื่อ 20 ปีก่อน
นับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2565 อิสราเอลดำเนินการบุกจู่โจมในเขตเวสต์แบงก์เกือบทุกวัน เพื่อตอบโต้การโจมตีอย่างรุนแรงหลายชุดจากชาวปาเลสไตน์ โดยกองทัพอิสราเอลระบุว่า การบุกโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปราบปรามกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ พร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นโดยให้เหตุผลว่า ทางการปาเลสไตน์นั้นอ่อนแอเกินกว่าจะจัดการกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์เองได้