"สถานการณ์ค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเกิดภัยคุกคามจากการก่อวินาศกรรมโดยระบอบเคียฟ และเป็นวินาศกรรมที่อาจนำไปสู่ผลกระทบขั้นหายนะ" นายดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าวกับผู้สื่อข่าว
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวต่อปธน.เอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า รัสเซียกำลังวางแผน "การยั่วยุอันตราย" ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงงานนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป
นับตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อเดือนก.พ.ปีที่แล้ว ทั้งสองประเทศต่างกล่าวโทษกันว่าทำอันตรายต่อความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
"ระบอบเคียฟได้แสดงให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพร้อมจะใช้ทุกวิถีทาง อย่างล่าสุด เราเห็นได้จากเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้าพลังน้ำคาคอฟสกายา ซึ่งก็ทำให้เกิดผลเสียหายอันน่าสยดสยอง" นายเปสคอฟกล่าวเสริม
ทั้งนี้ ยูเครนและชาติพันธมิตรกล่าวหาว่ากองกำลังรัสเซียทำลายเขื่อนคาคอฟกาที่ควบคุมโดยรัสเซียเมื่อเดือนที่แล้ว ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ในภูมิภาคเคอร์ซอน คร่าชีวิตไปหลายสิบคนและทำให้อีกหลายพันคนต้องพลัดถิ่น
นายเปสคอฟกล่าวว่า "กำลังดำเนินมาตรการทั้งหมดเพื่อตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว" ซึ่งหมายถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ นายเรนาต คาร์ชา ที่ปรึกษาของหน่วยงานนิวเคลียร์โรซาตอม (Rosatom) ของรัสเซียกล่าวหาว่า ยูเครนวางแผนที่จะโจมตีโรงงานดังกล่าวในคืนวันที่ 5 ก.ค.
อนึ่ง สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ซึ่งเป็นหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติ ได้จัดตั้งทีมสังเกตการณ์ที่โรงงานนิวเคลียร์ดังกล่าว โดยนายราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการ IAEA ระบุเมื่อวานนี้ (4 ก.ค.) ว่าไม่มีความตั้งใจที่จะโยกย้ายทีมออกจากพื้นที่