นายหวัง อี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนกล่าวกับนายโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (EU) ว่า อียูต้องชี้แจงจุดยืนในการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับจีน ขณะที่บรรดาผู้นำอียูพากันเรียกร้องให้ลดการพึ่งพาจีน
ในการเริ่มต้นความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมระหว่างอียูและจีนในปี 2546 นั้นได้มีการสัญญาว่าจะยกระดับความสัมพันธ์นอกเหนือไปจากการค้าและการลงทุน แต่นับตั้งแต่ปี 2562 อียูซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ชาติได้เรียกจีนว่าเป็น "คู่แข่งทางเศรษฐกิจ" และ "คู่แข่งเชิงระบบ"
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างจีนและรัสเซียหลังการรุกรานยูเครนยิ่งทำให้การดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างอียูและจีนเป็นไปอย่างระมัดระวังมากขึ้นด้วย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายหวังได้กล่าวกับนายบอร์เรลเมื่อวันศุกร์ (14 ก.ค.) นอกรอบการประชุมอาเซียนในกรุงจาการ์ตาเมืองหลวงของอินโดนีเซียว่า จีนและอียูควรส่งเสริมการสื่อสาร เพิ่มความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และอียูควรมีความแน่วแน่ โดยไม่พูดหรือกระทำการใด ๆ ที่ไม่เป็นไปตามที่สัญญาไว้
ในเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ผู้นำอียูให้คำมั่นที่จะลดการพึ่งพาจีน และได้อภิปรายกันถึงการสร้างสมดุลระหว่างการลดความเสี่ยง กับการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ในเดือนมี.ค. นางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า จุดยืนที่แข็งกร้าวของจีนนั้น ทำให้อียูต้องลดความเสี่ยงทั้งทางเศรษฐกิจและการทูต
EC กำลังเรียกร้องให้สมาชิกอียูตกลงที่จะควบคุมการส่งออกและการไหลออกของเทคโนโลยีซึ่งบรรดาประเทศที่น่ากังวล อาจนำไปใช้ในด้านการทหาร