คณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐมีแผนการจำกัดการลงทุนในจีน โดยมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีล้ำสมัย และการลงทุนใหม่ ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะยังไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงปีหน้า เนื่องจากต้องใช้เวลานานกว่าที่นโยบายจะผ่านกระบวนการพิจารณาของรัฐบาล
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า เจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการเพื่อสรุปข้อเสนอภายในสิ้นเดือนส.ค. สำหรับโครงการที่ล่าช้ามาเป็นเวลานาน โดยโครงการนี้จะเกี่ยวข้องกับการคัดกรองและอาจห้ามการลงทุนในภาคส่วนเซมิคอนดักเตอร์ ควอนตัมคอมพิวเตอร์ และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) ในจีน
แหล่งข่าวระบุว่า แผนการในขั้นต้นของคณะทำงานได้ถูกปรับลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นตั้งใจในช่วงแรก โดยมาตรการที่จะเสนอ คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนใหม่ ๆ เท่านั้น และคณะทำงานเลือกที่จะละเว้นภาคส่วนเทคโนโลยีชีวภาพและพลังงาน
นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ เน้นย้ำถึงขอบเขตที่จำกัดของแผนการดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ค.) โดยระบุว่ามาตรการดังกล่าวจะมีเป้าหมายในวงแคบ โดยคำกล่าวของนางเยลเลนจะสร้างความโล่งใจให้กับบรรดาบริษัทที่ต้องการเข้าถึงตลาดจีน และนักลงทุนที่มีความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวม
"สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่การควบคุมในวงกว้างที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของสหรัฐในวงกว้างในจีน หรือในความเห็นของดิฉัน มันจะไม่มีผลกระทบพื้นฐานต่อบรรยากาศของการลงทุนในจีน" นางเยลเลนกล่าว
ทั้งนี้ การควบคุมการลงทุนในจีนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในวงกว้างของทำเนียบขาวในการจำกัดความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัยของจีน ซึ่งคาดว่าจะส่งอิทธิพลอย่างมากในด้านการทหารและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ