นายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐมีความกังวลเกี่ยวกับระบบกฎหมายของไทย หลังจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคที่ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ถูกร้องเรียนใน 2 ประเด็น ซึ่งได้แก่ความพยายามของพรรคก้าวไกลในการแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 และกรณีการถือหุ้นสื่อของนายพิธา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายมิลเลอร์ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ (17 ก.ค.) โดยเขากล่าวว่า สหรัฐไม่ได้ตั้งธงเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งของไทยว่าพรรคใดจะได้รับชัยชนะ แต่สหรัฐสนับสนุนกระบวนการที่สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชนชาวไทย
"เรากำลังจับตาสถานการณ์หลังการเลือกตั้งของไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงพัฒนาการล่าสุดในระบบกฎหมายของไทย ซึ่งเป็นประเด็นที่น่ากังวล" นายมิลเลอร์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวขอให้นายมิลเลอร์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในไทย นายมิลเลอร์กล่าวว่า เขาจะไม่คาดว่าสหรัฐจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น แต่ย้ำว่าสถานการณ์ล่าสุดของไทยเป็นเรื่องที่น่ากังวล
ทั้งนี้ รอยเตอร์รายงานว่า รัฐสภาของไทยเตรียมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่เป็นรอบที่ 2 ในวันพุธนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งจะชี้ชะตาว่านายพิธาจะได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หลังจากผลการลงมติรอบแรกในรัฐสภาที่จัดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ที่ประชุมมีมติไม่เห็นชอบให้นายพิธาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยมีตัวแปรสำคัญคือการลงคะแนนเสียงของสมาชิกวุฒิสภาซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหารหลังเหตุการณ์รัฐประหารในปี 2557
รอยเตอร์ยังระบุด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญของไทยได้รับคำร้องเกี่ยวกับกรณีที่นายพิธาและพรรคก้าวไกลมีแผนที่จะแก้ไขประมวลกฎหมายมาตรา 112 และกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีที่นายพิธาถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งขัดต่อกฎหมายการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ กรณีดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลว่า ศาลรัฐธรรมนูญอาจจะวินิจฉัยให้นายพิธาขาดคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรืออาจจะนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล เหมือนกับที่พรรคอนาคตใหม่เคยถูกยุบพรรคเมื่อปี 2563