รัสเซียเขย่าตลาดธัญพืชโลกด้วยการเพิ่มความรุนแรงในทะเลดำ โดยระดมโจมตีทางอากาศใส่ท่าเรือยูเครนหลายแห่งติดต่อกันเป็นคืนที่ 3 พร้อมขู่โจมตีเรือทุกลำที่มุ่งหน้าไปยังยูเครน ขณะที่ยูเครนก็ตอบโต้ในลักษณะเดียวกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มีพลเรือนบาดเจ็บอย่างน้อย 27 รายจากการโจมตีทางอากาศใส่ท่าเรือ ซึ่งทำให้อาคารต่าง ๆ เกิดเพลิงไหม้ รวมถึงสร้างความเสียหายแก่สถานกงสุลจีนในเมืองโอเดสซา
สหรัฐระบุว่า คำเตือนของรัสเซียที่ระบุว่า รัสเซียอาจโจมตีเรือในทะเล หลังถอนจากตัวออกจากข้อตกลงเปิดเส้นทางส่งออกธัญพืชยูเครนผ่านทางทะเลดำที่มีสหประชาชาติ (UN) เป็นคนกลางนั้น เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ารัสเซียพร้อมใช้กำลังเพื่อปิดล้อมยูเครน ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกอาหารรายใหญ่ที่สุดในโลก และส่งผลให้ราคาอาหารโลกพุ่งสูงขึ้น
รัสเซียระบุว่า รัสเซียจะไม่เข้าร่วมในข้อตกลงนี้อีก เว้นแต่จะได้รับข้อเสนอที่ดีขึ้นเกี่ยวกับการค้าอาหารและปุ๋ย
ผู้แทนสหประชาชาติของอังกฤษระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) จะประชุมกันในวันนี้ (21 ก.ค.) เกี่ยวกับ "ผลกระทบด้านมนุษยธรรม" อันเกิดจากการถอนตัวของรัสเซีย
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN ประณามรัสเซียอย่างรุนแรงต่อกรณีโจมตีท่าเรือในทะเลดำของยูเครน และเตือนว่า การทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนอาจถือเป็นการละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
นายสเตฟาน ดูจาร์ริก โฆษกของ UN กล่าวว่า "การโจมตีเหล่านี้ยังส่งผลกระทบออกไปไกลกว่ายูเครนด้วย" และเสริมว่า ราคาข้าวสาลีและข้าวโพดที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อทุกคน โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเปราะบางทางตอนใต้ของโลก
ทั้งนี้ ยูเครนหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถส่งออกได้อีกครั้งโดยไม่จำเป็นต้องมีรัสเซียเข้าร่วม อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีเรือลำใดออกจากท่าหลังรัสเซียถอนตัวออกจากข้อตกลง และบริษัทประกันต่างไม่แน่ใจว่าจะรับประกันการค้าในเขตสงครามหรือไม่