สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทำเนียบขาวแสดงความรู้สึกผิดหวังที่นายเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตนักการเมืองอาวุโสผู้ทรงอิทธิพลของสหรัฐ วัย 100 ปี สามารถดึงดูดความสนใจระหว่างเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีน ได้มากกว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐหลายคนในรัฐบาลชุดปัจจุบัน
รายงานระบุว่า นายคิสซิงเจอร์เป็นผู้ปูทางความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนให้เป็นไปอย่างราบรื่นในช่วงทศวรรษที่ 1970 ในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในคณะทำงานของอดีตผู้นำสหรัฐ 2 คน ได้แก่ อดีตประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และอดีตประธานาธิบดีเจอรัลด์ ฟอร์ด
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ได้ให้การต้อนรับนายคิสซิงเจอร์อย่างอบอุ่นในฐานะ "มิตรสหายเก่า" เมื่อวันพฤหัสบดี (20 ก.ค.) ท่ามกลางความพยายามของจีนและสหรัฐในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ร้าวฉาน
อย่างไรก็ดี ทำเนียบขาวตระหนักดีว่า การเดินทางเยือนจีนของนายคิสซิงเจอร์ เป็นการเดินทางเป็นการส่วนตัวในฐานะพลเมือง
สำหรับการเดินทางเยือนจีนครั้งนี้ นายคิสซิงเจอร์ได้พบปะกับ นายหวัง อี้ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการต่างประเทศส่วนกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และพลเอกหลี่ ซ่างฝู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจีน ซึ่งเคยปฏิเสธการเจรจาโดยตรงกับพลเอก ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐยังคงคว่ำบาตรพลเอกหลี่ เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญในการซื้ออาวุธจากโรโซโบนีเอ็กปอร์ต (Rosoboroneexport) ผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เมื่อปี 2560
นายจอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวระบุว่า "เป็นเรื่องน่าเศร้าที่พลเมืองที่ไปเยือนเป็นการส่วนตัวสามารถเข้าพบปะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและสื่อสารกันได้ แต่รัฐบาลสหรัฐทำไม่ได้"
นายเคอร์บีเสริมว่า "นี่เป็นสิ่งที่เราต้องแก้ปัญหา นี่คือเหตุผลที่เรายังคงพยายามเปิดช่องทางการสื่อสารทางทหารอีกครั้ง เพราะหากไม่มีช่องทางสื่อสาร และต้องมาเผชิญกับช่วงเวลาเช่นนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดสูง บวกกับการประเมินที่ผิดพลาด เมื่อนั้นความเสี่ยงก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้น"
ทั้งนี้ นายเคอร์บีระบุว่า เจ้าหน้าที่คณะทำงานตั้งตารอที่จะได้ฟังเรื่องราวจากปากของนายคิสซิงเจอร์ เมื่อเขาเดินทางกลับมาสหรัฐ เพื่อรับทราบในสิ่งที่เขาได้ยินมา ได้เรียนรู้มา และสิ่งที่เขาได้เห็น