กลุ่มประชาคมเศรษฐกิจแห่งชาติแอฟริกาตะวันตก (ECOWAS) ประกาศบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตร และขู่ว่าจะใช้กำลังทหาร หากผู้นำรัฐประหารของไนเจอร์ไม่สามารถคืนอำนาจในการปกครองประเทศให้กับนายโมฮาเหม็ด บาซูม ประธานาธิบดีไนเจอร์ ภายใน 1 สัปดาห์ ท่ามกลางความวุ่นวายและการก่อจลาจลในเมืองหลวง
การก่อรัฐประหารโค่นอำนาจนายบาซูมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ศุกร์ที่ 28 ก.ค. โดยนับเป็นการก่อรัฐประหารครั้งที่ 7 ของไนเจอร์ ในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมา
กลุ่มฝูงชนผู้สนับสนุนผู้นำรัฐประหารได้โจมตีสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในกรุงนีอามี โดยได้จุดไฟเผาธงชาติฝรั่งเศสและปาหินใส่อาคาร ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาเพื่อสลายการชุมนุม โดยภาพจากคลิปวิดีโอเผยให้เห็นไฟไหม้ที่กำแพงสถานทูต รวมทั้งภาพผู้คนที่ได้รับบาดเจ็บและขาที่โชกเลือดถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล
บรรดาผู้นำกลุ่ม ECOWAS ได้จัดประชุมสุดยอดเป็นการฉุกเฉินที่ไนจีเรียเพื่อหารือเกี่ยวกับการรัฐประหารไนเจอร์ โดยเรียกร้องให้มีการฟื้นฟูอำนาจตามรัฐธรรมนูญ พร้อมเตือนว่าจะออกมาตรการตอบโต้ หากไม่ปฏิบัติตาม
"มาตรการดังกล่าวอาจรวมถึงการใช้กำลังทางทหารด้วย" ECOWAS ระบุในแถลงการณ์ในวันอาทิตย์ (30 ก.ค.) พร้อมเสริมว่าเจ้าหน้าที่จากกระทรวงกลาโหมจะเร่งประชุมทันทีเพื่อดำเนินการดังกล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวผู้ช่วยของประธานาธิบดีว่า นายมาฮาเม็ต อีดริสส์ เดบี ประธานาธิบดีของประเทศชาด ซึ่งขึ้นสู่อำนาจเมื่อปี 2564 ภายหลังการรัฐประหาร ได้พบปะกับนายโบลา ทินูบู ประธานาธิบดีไนจีเรีย นอกรอบการประชุม ECOWAS โดยกล่าวว่าเขาอาสาเจรจากับผู้นำทหารของไนเจอร์
ทั้งนี้ ECOWAS และสหภาพเศรษฐกิจและการเงินแห่งแอฟริกาตะวันตก (WAEMU) กล่าวว่า พรมแดนที่ติดกับไนเจอร์จะถูกปิด โดยให้มีผลทันที เที่ยวบินพาณิชย์และการทำธุรกรรมทางการเงินถูกระงับ นอกจากนี้ยังมีการสั่งอายัดทรัพย์สิน และยุติการให้ความช่วยเหลือ
รายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารที่เกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหารจะถูกระงับการเดินทาง และถูกอายัดทรัพย์สินด้วยเช่นกัน
ด้านนายอูโฮโมดู มาหามาดู นายกรัฐมนตรีไนเจอร์ ภายใต้รัฐบาลของนายบาซูม กล่าวว่า การคว่ำบาตรของ ECOWAS นับว่าเป็นหายนะ เพราะไนเจอร์พึ่งพาพันธมิตรระหว่างประเทศเป็นอย่างมากในด้านงบประมาณทางการเงิน