กระทรวงฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า สาเหตุที่ต้องอพยพพลเมืองฝรั่งเศสออกเนื่องจากเหตุโจมตีสถานทูตฝรั่งเศสในกรุงนีอาเมและการปิดน่านฟ้าของไนเจอร์ ซึ่งทำให้ประชาชนไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ตามปกติ
ปัจจุบันมีชาวฝรั่งเศสประมาณ 600 คนอยู่ในไนเจอร์ โดยไม่รวมถึงนักท่องเที่ยวจากฝรั่งเศสที่มาเยือนไนเจอร์หรือชาวฝรั่งเศสที่อยู่นอกประเทศไนเจอร์ในขณะนี้
กระทรวงฯ กล่าวว่า ฝรั่งเศสยินดีที่จะช่วยอพยพพลเมืองจากประเทศอื่น ๆ ในยุโรปด้วยเช่นกัน
แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ฝรั่งเศสกำลังวางแผนที่จะใช้เครื่องบินลำเลียงพลทางทหารในปฏิบัติการครั้งนี้
เมื่อวันศุกร์ที่ 28 ก.ค. นายโมฮาเหม็ด บาซูม ประธานาธิบดีไนเจอร์ ถูกเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีของตนควบคุมตัวในการก่อรัฐประหารครั้งที่ 3 ในรอบหลายปีในภูมิภาคซาเฮล เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มีการกบฏในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาลีและบูร์กินาฟาโซ ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของฝรั่งเศส
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสและสหรัฐได้ส่งทหารรวมกัน 2,600 นายไปยังไนเจอร์เพื่อต่อสู้กับกลุ่มญิฮาด
เมื่อวันจันทร์ (31 ก.ค.) คณะรัฐประหารของไนเจอร์กล่าวหาฝรั่งเศสว่าพยายาม "เข้าแทรกแซงทางทหาร" เพื่อให้ประธานาธิบดีบาซูมกลับมามีอำนาจอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม นางแคทเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศสปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.) ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการ "ทันที ไม่ประนีประนอม" หากพลเมืองหรือผลประโยชน์ของฝรั่งเศสถูกโจมตี หลังเกิดเหตุฝูงชนผู้สนับสนุนผู้นำรัฐประหารได้โจมตีสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสในกรุงนีอามี โดยได้จุดไฟเผาธงชาติฝรั่งเศสและปาหินใส่อาคาร