สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อังกฤษเปิดเผยในวันนี้ (10 ส.ค.) ว่า กำลังพิจารณาท่าทีเพื่อตอบสนองต่อการตัดสินใจจำกัดการลงทุนในเทคโนโลยีบางประเภทในจีน ของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ โดยระบุว่า กำลังประเมินความเสี่ยงที่อาจมีต่อความมั่นคงของชาติ
รายงานระบุว่า ปธน.ไบเดนลงนามในคำสั่งพิเศษฝ่ายบริหารเมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) โดยมอบอำนาจให้กระทรวงการคลังสหรัฐระงับหรือจำกัดการลงทุนของสหรัฐในองค์กรของจีนครอบคลุม 3 ภาคส่วน ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์และไมโครอิเล็กทรอนิกส์ เทคโนโลยีข้อมูลควอนตัม และระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) บางประเภท
ขณะเดียวกัน รัฐบาลสหรัฐกล่าวว่า มาตรการดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ขณะที่ทางการจีนระบุในวันนี้ว่า มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งกับมาตรการของสหรัฐ
ด้านโฆษกของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า คำสั่งพิเศษดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงแนวทางของสหรัฐ พร้อมเสริมว่า "อังกฤษจะพิจารณามาตรการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นต่อความมั่นคงของชาติซึ่งมากับการลงทุนบางประเภท"
ในช่วงที่ผ่านมา อังกฤษพยายามแสวงหาแนวทางในการเสริมสร้างเสถียรภาพความสัมพันธ์กับจีน หลังจากช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายจากประเด็นต่าง ๆ เช่น กฎหมายความมั่นคงในฮ่องกงและข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเม.ย. นายเจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอังกฤษ ได้กำหนดแนวทางของอังกฤษใหม่ โดยระบุว่า อังกฤษจะปกป้องตนเองด้วยการจำกัดภัยคุกคามความมั่นคงที่มาจากจีน ไปพร้อมกับการมีส่วนร่วมกับจีนในด้านต่าง ๆ เช่น การค้า การลงทุน และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ขณะเดียวกัน เมื่อเดือนมิ.ย. นายซูนัคและปธน.ไบเดน ได้ลงนามร่วมกันในข้อตกลงฉบับใหม่ เพื่อส่งเสริมความเป็นพันธมิตรด้านเสถียรภาพระหว่างทั้งสองประเทศ โดยให้คำมั่นว่าจะกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานสะอาด และแร่ธาตุที่สำคัญ
ทั้งนี้ ข้อมูลทางการของรัฐบาลระบุว่า จีนไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับการลงทุนในต่างประเทศของอังกฤษ โดยมูลค่าการลงทุนในจีนแตะ 1.07 หมื่นล้านปอนด์ (1.36 หมื่นล้านดอลลาร์) ในช่วงสิ้นปี 2564 เมื่อเทียบกับระดับ 4.614 แสนล้านปอนด์สำหรับการลงทุนในสหรัฐ ขณะที่มูลค่าการลงทุนของอังกฤษในฮ่องกงอยู่ที่ 7.76 หมื่นล้านปอนด์