สหประชาชาติ (UN) เปิดเผยรายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (10 ส.ค.) ว่า เกาหลีเหนือยังคงเดินหน้าพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และผลิตวัสดุนิวเคลียร์ฟิสไซล์ในปี 2566 และหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของ UN ที่มุ่งตัดเงินทุนสำหรับโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
"หลังจากการโจรกรรมทางไซเบอร์พุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อปี 2565 ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 1.7 พันล้านดอลลาร์ มีรายงานว่าแฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือยังคงประสบความสำเร็จในการเล็งเป้าโจมตีทางไซเบอร์ต่อคริปโทเคอร์เรนซี และการแลกเปลี่ยนเงินตราอื่น ๆ ทั่วโลก" ผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรอิสระระบุในรายงานที่ส่งถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC)
ก่อนหน้านี้ ผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรอิสระ ซึ่งยื่นรายงานต่อ UNSC ปีละ 2 ครั้ง กล่าวหาว่า เกาหลีเหนือโจมตีทางไซเบอร์เพื่อหาเงินทุนมาสนับสนุนโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ แต่เกาหลีเหนือได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการแฮกหรือการโจมตีทางไซเบอร์
ผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรอิสระกล่าวว่า แฮกเกอร์ที่ทำงานให้กับสำนักงานตรวจการณ์หลักของเกาหลีเหนือ (RGB) ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวกรองต่างประเทศหลัก "เดินหน้าใช้เทคนิคทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนเพื่อขโมยเงินและข้อมูล"
นอกจากนี้ ผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรกล่าวว่า "บริษัทด้านสกุลเงินดิจิทัล กลาโหม พลังงาน และสาธารณสุขตกเป็นเป้าหมายมาเป็นพิเศษ" พร้อมระบุเสริมว่า "เกาหลีเหนือยังคงสามารถเข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศและยังมีส่วนร่วมในการดำเนินงานทางการเงินที่ผิดกฎหมาย"
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงายว่า ผู้ตรวจสอบการคว่ำบาตรรายงานการส่งออกถ่านหินแบบผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และการเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรที่หลากหลายผ่านการใช้เรือที่ส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมกลั่นไปยังเกาหลีเหนือ" ขณะเดียวกันเกาหลีเหนือยังได้ซื้อเรือใหม่ 14 ลำ โดยละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของ UNSC