วันนี้ (12 ส.ค.) เป็นวันที่ญี่ปุ่นและจีนครบรอบ 45 ปีของการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพและมิตรภาพทวิภาคี โดยไม่มีการจัดงานเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางความตึงเครียดเกี่ยวกับแผนการของญี่ปุ่นที่จะปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะลงสู่ทะเล
ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างจีนและญี่ปุ่นตึงเครียดขึ้นจากแผนการที่ญี่ปุ่นจะเริ่มปล่อยน้ำกัมมันตรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงงานนิวเคลียร์ฟุกุชิมะตั้งแต่ปลายเดือนนี้ รวมถึงการเยือนไต้หวันของอดีตนายกรัฐมนตรีทาโร อาโซะของญี่ปุ่น ตลอดจนข้อพิพาทด้านดินแดนและการค้าระหว่างกัน
สนธิสัญญามิตรภาพระหว่างกันมีการลงนามในปี 2521 ซึ่งเป็นระยะเวลา 6 ปีหลังจากทั้งสองประเทศปรับความสัมพันธ์ทางการทูตให้เป็นปกติ และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ต.ค.ในปีนั้น
กระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ในวันนี้ว่า ความสัมพันธ์ทวิภาคีดำเนินมายาวนาน นำพาผลประโยชน์ที่จับต้องได้มาสู่ประชาชนทั้งสองประเทศ และเอื้อต่อความเจริญรุ่งเรืองและเสถียรภาพของภูมิภาคตลอด 45 ปีที่ผ่านมา
กระทรวงฯระบุว่า ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นกำลังอยู่ในขั้นตอนสำคัญของการพัฒนาและการเติบโต โดยจีนเรียกร้องให้ญี่ปุ่นใช้วันครบรอบนี้เป็นโอกาสในการยกระดับความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน ขจัดสิ่งรบกวนและอุปสรรคต่าง ๆ และร่วมกันสร้างความสัมพันธ์ที่สามารถตอบสนองความต้องการของยุคใหม่
ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวนั้นเชื่อว่าสวนทางกับความพยายามของสหรัฐร่วมกับพันธมิตรรวมถึงญี่ปุ่นที่จะควบคุมอิทธิพลของจีน ท่ามกลางการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่าง 2 ประเทศมหาอำนาจที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก