หลังนับคะแนนโหวตไปได้แล้ว 96% มิลเลอิจากพรรค La Libertad (พรรคอิสรนิยม) ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่ง เอาชนะกลุ่มแนวร่วมอนุรักษนิยมโปรภาคธุรกิจ Juntos por el Cambio (ร่วมกันเพื่อการเปลี่ยนแปลง) ที่นำโดยแพทริเซีย บูลริช และโฮราชิโอ โรดรีเกซ ลาร์เรตา ซึ่งได้คะแนนไป 28.3% ตามมาด้วยกลุ่มพรรครัฐบาลสายสังคมนิยมแบบฆวน เปรอง ซึ่งนำโดยรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ เซร์ฆิโอ มัสซา ที่ได้เสียงโหวตไป 27.2%
คะแนนเสียงของมิลเลอิเหนือกว่าที่โพลเกือบทุกสำนักคาดไว้ว่าเขาจะได้คะแนนโหวตประมาณ 20% เท่านั้น ผลการเลือกตั้งรอบไพรมารีดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณว่าประชาชนชาวอาร์เจนตินาเบื่อหน่ายกับการเมืองแบบเดิม ๆ หลังจากที่ประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อรุนแรงมาหลายปี และจะทำให้การเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นวันที่ 22 ต.ค.นี้กลายเป็นศึกสามเส้าที่ไม่อาจคาดเดาผลได้
ทั้งนี้ การเลือกตั้งรอบไพรมารีในอาร์เจนตินาเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เลือกแคนดิเดตที่จะได้ผ่านเข้ารอบการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 22 ต.ค. และถือเป็นการหยั่งเสียงวัดความนิยมของผู้สมัครเบื้องต้น
สำหรับการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมีขึ้น ผู้ชนะจะต้องได้รับคะแนนเสียง 45% ขึ้นไป หรือ 40% โดยมีคะแนนนำเหนือผู้ได้คะแนนอันดับสองอย่างน้อย 10 จุดเปอร์เซ็นต์ หากไม่เป็นไปตามนี้ ก็จะมีการลงคะแนนอีกครั้งในวันที่ 19 พ.ย. เพื่อตัดสินผู้ชนะระหว่างแคนดิเดตสองคนสุดท้าย
หากมิลเลอิได้ชัยในการเลือกตั้งเดือนต.ค.นี้ ก็จะถือเป็นการสั่นสะเทือนการเมืองในภูมิภาคลาตินอเมริกา เนื่องจากแนวคิดหนุนตลาดเสรีทุนนิยมของเขาขัดแย้งกับบรรดาผู้นำฝ่ายซ้ายที่ปกครองบราซิล, เม็กซิโก, โคลอมเบีย และชิลีในปัจจุบัน
จากนักเศรษฐศาสตร์ที่ผันตัวเป็นนักการเมือง มิลเลอิมีชื่อเสียงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาทั้งทางโทรทัศน์และในโซเชียลมีเดีย เนื่องจากเขาชนะใจคนที่เบื่อนักการเมืองแบบเดิม ๆ โดยเฉพาะในหมู่คนหนุ่มสาวที่เป็นชนชั้นกลางระดับบน
อนึ่ง มิลเลอิมีแนวคิดในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในลักษณะที่อื้อฉาว เช่น เขาเสนอให้อาร์เจนตินาใช้ดอลลาร์สหรัฐแทนสกุลเงินเปโซของประเทศ และกล่าวว่าเขาจะ "เผา" ธนาคารกลางโทษฐานที่บริหารเศรษฐกิจผิดพลาด นอกจากนี้ เขายังมีจุดยืนในการปกป้องสิทธิ์ครอบครองปืน ต่อต้านการทำแท้ง และสนับสนุนให้การค้าอวัยวะมนุษย์เป็นเรื่องถูกกฎหมายอีกด้วย