นายลอเรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่า เศรษฐกิจโลกควรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ท่ามกลางความสัมพันธ์อันตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน ทั้งในด้านการค้า และภูมิรัฐศาสตร์
"การแข่งขันที่ดุเดือดและหนักหน่วงยิ่งขึ้น จะเป็นตัวตัดสินความสัมพันธ์ทวิภาคี" นายหว่องกล่าวในระหว่างการอภิปรายในงานสัมมนาวิชาการ พลิกโฉมโชคชะตา (Reinventing Destiny) เมื่อวันจันทร์ (14 ส.ค.) โดยอ้างถึงสหรัฐและจีนซึ่งเป็นสองประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกในช่วงเวลาที่อุปสงค์ที่มีต่อสินค้าต่าง ๆ กำลังตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว โดยสิงคโปร์ซึ่งเป็นประเทศที่พึ่งพาการค้าเป็นหลักนั้น กำลังเผชิญกับแนวโน้มการขยายตัวที่ช้าลง ท่ามกลางการฟื้นตัวที่ไม่แน่นอนในจีน และคาดว่าการเติบโตในสหรัฐก็จะไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
"เราได้เห็นความขัดแย้งในเรื่องเซมิคอนดักเตอร์ระดับสูงแล้ว และผมมั่นใจว่าเรื่องนี้จะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ โดยเฉพาะภาคส่วนที่มีความขัดแย้งกัน เช่นเทคโนโลยีอย่าง คอมพิวเตอร์ควอนตัม และปัญญาประดิษฐ์ (AI)" นายหว่องกล่าว
นายหว่องกล่าวอีกว่า ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคนี้ต่างต้องเผชิญกับทางเลือกที่ยากลำบากในการเลือกเข้าข้างประเทศใดประเทศหนึ่ง ท่ามกลางความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งในขณะนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนนั้น "ไม่มีความสมดุล" พร้อมเสริมว่า สิงคโปร์ต้องการรักษาความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับทั้งสองประเทศ
"มันมีราคาที่จะต้องจ่ายสำหรับเศรษฐกิจโลกที่ไม่ได้จัดการโดยอิงจากประสิทธิภาพเชิงเศรษฐศาสตร์ แต่พิจารณาจากภูมิรัฐศาสตร์และความกังวลด้านความมั่นคง" นายหว่องกล่าว ซึ่งประเทศขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์เริ่มจัดการกับสภาพแวดล้อมภายนอกประเทศได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
ทั้งนี้ ความตึงเครียดดังกล่าวหมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในภูมิภาค
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ได้ปรับลดการคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ลงจากระดับ 0.5% - 2.5% ก่อนหน้านี้ สู่ระดับ 0.5% - 1.5%