จีนยืนยันจะดำเนิน "ขั้นตอนที่จำเป็น" เพื่อปกป้องความปลอดภัยของอาหารทะเลและสิ่งแวดล้อมทางทะเล หลังจากญี่ปุ่นกำหนดวันที่จะเริ่มปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
"การกระทำนี้ถือเป็นการระบายความเสี่ยงของมลพิษทางนิวเคลียร์ไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงจีนและประชาคมระหว่างประเทศ" นายซุน เว่ยตรง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ "นั่นเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัวและไร้ซึ่งความรับผิดชอบเป็นอย่างยิ่ง จีนมีความกังวลอย่างมาก และขอต่อต้านอย่างรุนแรง"
นายซุนกล่าวอีกว่า จีนจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความปลอดภัยของอาหาร และสุขภาพของประชาชนอย่างเข้มงวด หากมีการปล่อยน้ำไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ (24 ส.ค.)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนได้วิพากษ์วิจารณ์แผนการของญี่ปุ่นว่าไม่ปลอดภัย และตั้งคำถามถึงความถูกต้องแม่นยำของกระบวนการทดสอบดังกล่าว โดยจีนอาจตอบโต้ด้วยการระงับการซื้ออาหารทะเลจากญี่ปุ่น ซึ่งจีนได้นำเข้าเป็นมูลค่า 2.78 แสนล้านเยน (1.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปีที่แล้ว
ด้านฮ่องกงได้ออกมายืนยันว่าจะขยายเวลาจำกัดการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากญี่ปุ่นตั้งแต่อาหารทะเลไปจนถึงสาหร่ายบางชนิดในบางพื้นที่ โดยฮ่องกงได้นำเข้าอาหารทะเลจากญี่ปุ่นไปแล้วประมาณ 2.09 แสนล้านเยน
สำนักข่าวเอ็นทีวีรายงานว่า นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น มีกำหนดพบปะกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนในเดือนหน้า
ทั้งนี้ นายคิชิดะได้ยืนยันเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) ถึงแผนการปล่อยน้ำปนเปื้อนกัมมันตรังสีที่ผ่านการบำบัดแล้ว โดยได้ปฏิเสธข้อร้องเรียนของจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยของแผนการดังกล่าว พร้อมบ่งชี้ว่าสำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (IAEA) ได้ทบทวนมาเป็นระยะเวลา 2 ปีแล้ว และได้สรุปแล้วว่า การปล่อยน้ำปนเปื้อนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อมเพียงเล็กน้อย