กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุเมื่อวันพุธ (6 ก.ย.) ว่า กระสุนบรรจุยูเรเนียมด้อยสมรรถนะสำหรับรถถังเอบรามส์ (Abrams) จะรวมอยู่ในส่วนหนึ่งของแผนช่วยเหลือทางการทหารรชุดใหม่มูลค่า 175 ล้านดอลลาร์ นอกเหนือจากความช่วยเหลือด้านพลเรือนและการป้องกันมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ที่นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐประกาศไว้ ณ กรุงเคียฟเมืองหลวงของยูเครน
สถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน กล่าวผ่านเทเลแกรมภายหลังการประกาศดังกล่าวว่า "การตัดสินใจสนับสนุนอาวุธที่บรรจุยูเรเนียมด้อยสมรรถนะของฝ่ายบริหารสหรัฐเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความไร้มนุษยธรรม เห็นได้ชัดว่า ด้วยแนวคิดที่จะสร้าง "ชัยชนะทางยุทธศาสตร์" สหรัฐจึงเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตชาวยูเครนทั้งหมดก็ตาม และกล่าวเสริมว่า "สหรัฐจงใจส่งมอบอาวุธที่ส่งผลกระทบแบบไม่แยกแยะมิตรหรือศัตรู"
สถานทูตรัสเซียประจำกรุงวอชิงตัน ระบุว่า "สหรัฐตระหนักดีถึงผลที่ตามมา การระเบิดของกระสุนชนิดดังกล่าวจะก่อให้เกิดกลุ่มเมฆหมอกกัมมันตรังสี ซึ่งอนุภาคขนาดเล็กของยูเรเนียมจะเข้าไปเกาะอยู่ตามทางเดินหายใจ ปอด หลอดอาหาร สะสมในไตและตับ ทำให้เกิดมะเร็งและนำไปสู่การยับยั้งการทำงานของอวัยวะทั้งหมด"
กระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า นอกเหนือจากกระสุนรถถังบรรจุยูเรเนียมด้อยสมรรถนะที่สหรัฐวางแผนจะส่งให้กับยูเครนแล้ว ชุดความช่วยเหลือทางการทหารในครั้งนี้ยังประกอบด้วย ขีปนาวุธต่อต้านรถถังแจฟลิน (Javelin) ระบบนำทางทางอากาศเชิงยุทธวิธี และกระสุนเพิ่มเติมสำหรับระบบจรวดปืนใหญ่อัตตาจรสูง (HIMARS)
ในขณะที่อังกฤษได้จัดส่งกระสุนบรรจุยูเรเนียมด้อยสมรรถนะไปยังยูเครนเมื่อต้นปีนี้ นี่จะเป็นครั้งแรกที่สหรัฐจัดส่งกระสุนเจาะเกราะไปยังยูเครน และคาดว่าจะเป็นชนวนกระตุ้นความขัดแย้งเกี่ยวกับการใช้อาวุธดังกล่าวในสนามรบ
เมื่อไม่นานมานี้ สหรัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากการจัดส่งคลัสเตอร์บอมบ์ (cluster bomb) ให้กับยูเครน แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับอันตรายที่อาวุธดังกล่าวจะมีต่อพลเรือนก็ตาม