โปแลนด์ หนึ่งในพันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดของยูเครน ประกาศว่า จะไม่จัดหาอาวุธให้กับยูเครนอีกต่อไป เนื่องจากข้อพิพาททางการทูตเกี่ยวกับการค้าธัญพืชทวีความรุนแรงขึ้น
นายมาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีของโปแลนด์ระบุว่า โปแลนด์จะหันมาให้ความสนใจกับการติดอาวุธที่ทันสมัยให้แก่ตนเองแทน
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (19 ก.ย.) โปแลนด์ได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตยูเครนประจำโปแลนด์เข้าพบ จากกรณีถ้อยแถลงของประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ที่กล่าวต่อองค์การสหประชาชาติ (UN) ว่า บางประเทศแสร้งทำเป็นสามัคคีกับยูเครน ซึ่งโปแลนด์ประณามว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวไม่ยุติธรรมต่อโปแลนด์ ที่ให้การสนับสนุนยูเครนมาตั้งแต่วันแรกของสงคราม
ทั้งนี้ นายมอราวีแยตสกีแถลงการณ์ผ่านทางโทรทัศน์เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ว่า จะไม่จัดส่งอาวุธให้กับยูเครนอีกต่อไป ซึ่งมีขึ้นเพียง 1 วันหลังความตึงเครียดระหว่างทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกรณีการนำเข้าธัญพืช
ข้อพิพาทเกี่ยวกับธัญพืชเริ่มต้นขึ้นหลังจากรัสเซียเปิดฉากบุกโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ และปิดเส้นทางขนส่งธัญพืชผ่านทะเลดำ และบีบให้ยูเครนต้องหาเส้นทางจัดส่งอื่นแทน ส่งผลให้ธัญพืชจำนวนมากไปรวมกันอยู่ที่ภูมิภาคยุโรปกลาง
ด้วยเหตุนี้ สหภาพยุโรป (EU) จึงสั่ง 5 ประเทศ ได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี โปแลนด์ โรมาเนีย และสโลวาเกีย ระงับการนำเข้าธัญพืชจากยูเครนเป็นการชั่วคราว เพื่อปกป้องเกษตรกรในท้องถิ่นที่กังวลว่าธัญพืชจากยูเครนจะทำให้ราคาผลผลิตในท้องถิ่นลดลง
อย่างไรก็ตาม คำสั่งระงับดังกล่าวสิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 15 ก.ย. และทาง EU ไม่ได้ขยายอายุคำสั่งดังกล่าว แต่ฮังการี สโลวาเกีย และโปแลนด์ ยังคงตัดสินใจที่จะบังคับใช้ต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า สมาชิกประเทศใดประเทศหนึ่งไม่สามารถกำหนดนโยบายการค้าของ EU ได้
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ยูเครนได้ยื่นฟ้องประเทศเหล่านั้นต่อองค์การการค้าโลก (WTO) เกี่ยวกับคำสั่งแบน ซึ่งยูเครนระบุว่า เป็นการละเมิดพันธกรณีระหว่างประเทศ