หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลจากเคปเลอร์ (Kpler) บริษัทด้านวิเคราะห์ข้อมูลตลาดโภคภัณฑ์ เมื่อวานนี้ (24 ก.ย.) ว่า อุปทานน้ำมันดิบของรัสเซียเพิ่มขึ้น 50% ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา แม้จะถูกประเทศกลุ่ม G7 ดำเนินมาตรการคว่ำบาตร เนื่องจากเข้าบุกโจมตียูเครนก็ตาม
รายงานระบุว่า สหภาพยุโรป (EU), กลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย ได้กำหนดเพดานราคาน้ำมันรัสเซียที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล เมื่อเดือนธ.ค. 2565 เพื่อทำให้รัสเซียมีรายได้ลดลงจากการจำหน่ายน้ำมันที่จะนำไปสนับสนุนการทำสงครามในยูเครน
อย่างไรก็ตาม วิทยาลัยด้านเศรษฐศาสตร์เคียฟ (KSE) ระบุว่า รายได้จากน้ำมันของรัสเซียมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และรัสเซียปรับลดส่วนลดน้ำมันเพิ่มเติม
จากการวิเคราะห์บันทึกการขนส่งและการประกันภัยของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ เกือบ 3 ใน 4 ของการส่งออกน้ำมันดิบทางทะเลเดือนส.ค. ของรัสเซีย ดำเนินการโดยไม่มีการประกันภัยจากชาติตะวันตก
ทั้งนี้ รัสเซียหั่นลดการส่งออกน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซินทางทะเลลงเกือบ 30% เหลือประมาณ 1.7 ล้านเมตริกตันในช่วง 20 วันแรกของเดือนก.ย. เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันของเดือนส.ค. นอกจากนี้ รัสเซียยังได้ประกาศระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราวต่อประเทศส่วนใหญ่ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะทำให้อุปทานตึงตัวยิ่งขึ้น