สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สภาผู้แทนราษฎรของพรรครีพับลิกันเปิดการไต่สวนเพื่อขอถอดถอนประธานาธิบดีโจ ไบเดนเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้ (28 ก.ย.) ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หลังจากนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ออกมาเรียกร้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
พรรครีพับลิกันได้กล่าวหาปธน.ไบเดนว่า เขาอาศัยอำนาจของตนเองในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีเพื่อช่วยเหลือนายฮันเตอร์ บุตรชายของเขาให้สามารถทำข้อตกลงทางธุรกิจกับต่างชาติที่มีกำไรมูลค่าสูงได้ และได้รับผลประโยชน์เป็นการส่วนตัวจาก "การคอร์รัปชัน" ดังกล่าว ด้วยเหตุนี้นายแมคคาร์ธีจึงเรียกร้องเมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมาให้เปิดการไต่สวนเพื่อถอดถอนปธน.ไบเดน
ในการรับฟังการพิจารณาซึ่งนำโดยคณะกรรมการกำกับดูแลสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐ นายเจมส์ โคเมอร์ ประธานคณะกรรมการระบุว่า ปธน.ไบเดนพูดเท็จเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของสมาชิกในครอบครัว พร้อมกล่าวว่า "คนอเมริกันต้องการผู้รับผิดชอบต่อการทุจริตนี้"
อย่างไรก็ตาม พรรคเดโมแครตระบุว่า ไม่มีหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าปธน.ไบเดนได้รับผลประโยชน์จากการทำธุรกรรมดังกล่าว หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบุตรชาย
นายเจมี รัสกิน สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตได้ออกมาตำหนิสมาชิกพรรครีพับลิกันที่นำเสนอบันทึกการธนาคารจำนวน 12,000 หน้าซึ่งไม่มีเงินแม้สักแดงเดียวที่เข้ากระเป๋าของปธน.ไบเดน
นอกจากนี้ นายโจนาธาน เทอร์ลีย์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายและหนึ่งในพยานผู้เชี่ยวชาญก็ยอมรับว่า หลักฐานที่สมาชิกพรรครีพับลิกันได้รวบรวมมาจนถึงตอนนี้ไม่ได้พิสูจน์ข้อกล่าวหาดังกล่าวแต่อย่างใด
นายเอียน แซมส์ โฆษกทำเนียบขาวด้านการกำกับดูแลและสอบสวนระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (26 ก.ย.) ว่า พรรครีพับลิกันเพียงพยายามเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเรื่องการชัตดาวน์รัฐบาล (government shutdown) หากสภาคองเกรสไม่สามารถอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณ