วุฒิสภาสหรัฐซึ่งนำโดยพรรคเดโมแครตพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันร่างงบประมาณชั่วคราวให้ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานของรัฐบาลต้องปิดการดำเนินงานหรือชัตดาวน์เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 10 ปี ขณะที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐก็เตรียมโหวตร่างงบประมาณดังกล่าวเพื่อส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ลงนามบังคับใช้เป็นกฎหมาย
ทั้งนี้ หากวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรมีความเห็นต่างมากจนไม่สามารถตกลงกันได้ ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลไม่มีงบประมาณในการดำเนินงานต่อไปและถูกชัตดาวน์ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานของรัฐบาลกลางนับแสนคนถูกสั่งให้หยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง และจะส่งผลให้งานด้านการบริการต้องหยุดชะงักลงเป็นวงกว้าง ตั้งแต่งานด้านการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ ไปจนถึงบริการสิทธิประโยชน์ด้านอาหารให้กับประชาชน
ในวันพฤหัสบดี (28 ก.ย.) วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 76 ต่อ 22 ให้เปิดการอภิปรายเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว หรือที่เรียกว่า Continuing Resolution (CR) ซึ่งจะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 17 พ.ย. และอนุมัติงบประมาณให้กับหน่วยงานด้านการตอบสนองต่อภัยพิบัติภายในประเทศประมาณ 6 พันล้านดอลลาร์ และการช่วยเหลือยูเครนในการป้องกันตนเองจากการรุกรานของรัสเซีย วงเงิน 6 พันล้านดอลลาร์เช่นกัน
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาความคืบหน้าของสภาคองเกรสในการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก็จะทำให้มีการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐในวันที่ 1 ต.ค.
นายพีท บูติเจจ รัฐมนตรีกระทรวงการขนส่งของสหรัฐเตือนว่า หากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐถูกชัตดาวน์ ก็จะส่งผลให้การเดินทางทางอากาศต้องหยุดชะงักลง และอาจทำให้รัฐบาลต้องสั่งให้พนักงานของหอควบคุมการจราจรทางอากาศจำนวนมากหยุดงานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง ขณะที่สมาคมการเดินทางแห่งสหรัฐ (U.S. Travel Association) ประเมินว่า การชัตดาวน์จะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเดินทางของสหรัฐเป็นจำนวนมากถึง 140 ล้านดอลลาร์ต่อวัน