ตำรวจฝรั่งเศสใช้แก๊สน้ำตาและปืนฉีดน้ำสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ในกรุงปารีสเมื่อวานนี้ (12 ต.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้ชาวฝรั่งเศสสามัคคีกัน และไม่นำความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส มาสร้างปัญหาในประเทศ
ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศสได้สั่งห้ามการประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนชาวปาเลสไตน์ โดยระบุว่า การประท้วงดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อความสงบเรียบร้อยของสาธารณะ
ทั้งนี้ ฝรั่งเศสมีชุมชนมุสลิมและชาวยิวที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และความขัดแย้งในตะวันออกกลางมักจุดชนวนความตึงเครียดภายในฝรั่งเศสในอดีตที่ผ่านมา
ปธน.มาครงกล่าวว่า รัฐบาลสั่งให้ตำรวจเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานที่ต่าง ๆ ของชาวยิว เช่น โรงเรียนและโบสถ์ นอกจากนี้ เขายังระบุอย่างชัดเจนว่า ไม่มีเหตุผลที่ยอมรับได้สำหรับการกระทำที่เลวร้ายหรือความรุนแรง
แม้มีคำสั่งห้าม แต่ผู้ประท้วงที่สนับสนุนปาเลสไตน์หลายร้อยคนก็รวมตัวกันที่ใจกลางกรุงปารีสโดยแยกเป็นกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามป้องกันไม่ให้มีการรวมตัวกัน โดยผู้ประท้วงร้องตะโกนว่า "ฆาตกรชาวอิสราเอล" และ "มาครงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด"
ก่อนหน้านี้ ปธน.มาครงประณามการโจมตีอย่างรุนแรงของกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นนักรบของปาเลสไตน์ ขณะที่แสดงการสนับสนุนอิสราเอล