นายอัยมาน ซาฟาดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจอร์แดนกล่าวว่า จอร์แดนได้ยกเลิกการประชุมสุดยอด 4 ฝ่าย เพื่อหารือประเด็นฉนวนกาซาซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันพุธนี้ (18 ต.ค.) โดยผู้มีกำหนดเข้าร่วมประชุมดังกล่าวประกอบด้วยนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ, กษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดน, นายอับเดล ฟัตตาห์ อัล ซีซี ประธานาธิบดีอียิปต์ และนายมาห์มูด อับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์
นายซาฟาดีกล่าวว่า การประชุมดังกล่าวจะจัดขึ้นต่อเมื่อถึงเวลาที่ทุกฝ่ายสามารถตกลงที่จะยุติสงครามและการสังหารหมู่ต่อชาวปาเลสไตน์ พร้อมกล่าวโทษการปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลที่ส่งผลให้ภูมิภาคตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย
นายไบเดนมีแผนการเดินทางเยือนอิสราเอลเป็นการเร่งด่วนและจะเดินทางเยือนจอร์แดนหลังจากนั้น ซึ่งจอร์แดนระบุว่านายไบเดนมีกำหนดพบปะกับนายอัล ซีซี ประธานาธิบดีอียิปต์ และนายอับบาส ประธานาธิบดีปาเลสไตน์
กษัตริย์อับดุลลาห์แห่งจอร์แดนทรงมีกำหนดเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด 4 ฝ่ายซึ่งในวาระการประชุมคือความจำเป็นในการจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดวิกฤตด้านมนุษยธรรม และเพื่อลดความขัดแย้งกับอิสราเอล
กษัตริย์อับดุลลาห์กล่าวโทษอิสราเอลในเหตุการณ์ระเบิดโรงพยาบาลในฉนวนกาซาเมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) ซึ่งส่งผลให้มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตราว 500 ราย โดยทรงระบุว่าเหตุดังกล่าวนับเป็นความอัปยศต่อมนุษยชาติ และทรงเรียกร้องให้อิสราเอลยุติปฏิบัติการทางทหารต่อฉนวนกาซาทันที
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ทั้งทางการอิสราเอลและปาเลสไตน์ต่างกล่าวโทษกันว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ก่อเหตุ
กษัตริย์อับดุลลาห์ทรงตรัสว่า การตอบโต้ของอิสราเอลต่อการโจมตีครั้งรุนแรงของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งทำให้ชาวอิสราเอลเสียชีวิตและบาดเจ็บมากกว่า 1,000 ราย นั้น นับเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ เกินกว่าการป้องกันตนเอง เพราะเป็นการลงโทษชาวปาเลสไตน์โดยรวมไปด้วย
ทั้งนี้ กระแสความโกรธแค้นต่อที่มีต่ออิสราเอลยังจุดชนวนให้เกิดการประท้วงใหญ่ใกล้กับสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำกรุงอัมมานของจอร์แดน เมื่อวันอังคาร (17 ต.ค.) โดยตำรวจได้ใช้แก๊สน้ำตาฉีดเพื่อสลายการชุมนุม ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงหลายพันคนตะโกนสโลแกนสนับสนุนกลุ่มฮามาส และเรียกร้องให้รัฐบาลปิดสถานทูตและยกเลิกสนธิสัญญาสันติภาพกับอิสราเอล